นางมูเรียล บาวเซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดีซี ออกคำสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ภายในอาคารอีกครั้ง แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประชาชนในกรุงวอชิงตัน ดีซี ที่มีอายุเกิน 2 ปี จะต้องสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะเมื่ออยู่ภายในอาคารอีกครั้ง โดยไม่คำนึงถึงสถานะการฉีดวัคซีน และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเวลา 05:00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันเสาร์
นางบาวเซอร์แถลงต่อสื่อมวลชนว่า “หลายสิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่างการแพร่ระบาด และเราต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน”
“ฉันคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับคนจำนวนมาก” เธอกล่าวเสริม พร้อมระบุว่าประชาชนบางรายในเมืองไม่เคยเลิกสวมหน้ากากอนามัยภายในอาคาร โดยกรุงวอชิงตัน ดีซี ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีกฎบังคับสวมหน้ากากอนามัยที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสร้างข้อกำหนดสำหรับการฉีดวัคซีนให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
ขณะเดียวกัน ลาควนดร้า เนสบิตต์ ผู้อำนวยการกระทรวงสาธารณสุขประจำวอชิงตันเปิดเผยว่า พบอัตราผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 5 เท่าในเดือนก.ค.
รายงานระบุว่า อัตราผู้ติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุ 5-14 ปี และในกลุ่มผู้ใหญ่วัย 20-34 ปี พร้อมเสริมว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมากมีความเชื่อมโยงกับการเดินทาง การรับประทานอาหารนอกบ้าน และกิจกรรมทางสังคมเป็นกลุ่ม
ทั้งนี้ คำสั่งบังคับสวมหน้ากากอนามัยมีขึ้นหนึ่งวัน หลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) จัดให้กรุงวอชิงตันอยู่ในกลุ่มพื้นที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ “สำคัญ” เพิ่มขึ้นจากหมวดหมู่ “ปานกลาง”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ค. 64)
Tags: COVID-19, มูเรียล บาวเซอร์, วอชิงตัน ดีซี, หน้ากากอนามัย, โควิด-19