ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าบวก นักลงทุนคลายวิตกหลังจีนแถลง-เฟดคงนโยบายการเงิน

ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าปรับตัวขึ้น โดยตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากรัฐบาลจีนได้ออกมายับยั้งกระแสความตื่นตระหนกในตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังซึมซับรายงานข่าวที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวว่า เฟดยังคงอยู่ห่างไกลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้

  • ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,687.28 จุด เพิ่มขึ้น 105.62 จุด หรือ +0.38%
  • ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 26,172.31 จุด เพิ่มขึ้น 698.43 จุด หรือ +2.74%

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ได้จัดประชุมทางออนไลน์เมื่อคืนวานนี้ หลังจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นในบริษัทต่างๆของจีนในสัปดาห์นี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลหลังจากรัฐบาลจีนประกาศกฎใหม่เมื่อวันที่ 23 ก.ค. โดยจะสั่งห้ามการเรียนกวดวิชาเพื่อแสวงหาผลกำไรในวิชาหลักของโรงเรียน เพื่อลดภาระทางการเงินให้กับผู้ปกครอง นอกจากนี้ยังสั่งจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศในภาคธุรกิจดังกล่าว ทั้งในรูปแบบการควบรวมกิจการ การซื้อกิจการ หรือการซื้อแฟรนไชส์

นอกจากนี้ CSRC ยังได้แจ้งบรรดาบริษัทโบรกเกอร์ว่า จีนจะอนุญาตให้บริษัทของจีนเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในตลาดหุ้นสหรัฐได้ ตราบใดที่บริษัทเหล่านี้ดำเนินการตามข้อกำหนดว่าด้วยการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

แหล่งข่าวใน CSRC เปิดเผยว่า การนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดต่างประเทศสามารถดำเนินการโดยใช้โครงสร้างที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ ซึ่งหมายถึงโครงสร้างที่อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าถึงการลงทุนในหุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐ ทั้งนี้ CSRC ตระหนักว่า โครงสร้างดังกล่าวถือเป็นแนวทางที่จะช่วยให้บริษัทจีนสามารถดึงดูดเงินทุนจากต่างชาติ แต่ก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนหากมีความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ

นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวที่ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ เฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top