นายเจษฏา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FINNOMENA Group กล่าวว่า ความท้าทายของสถานการณ์โควิด-19 เป็นตัวแปรสำคัญที่ได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดการลงทุนทั่วโลก แต่ในทางกลับกันก็ถือเป็นหนึ่งในแรงกระตุ้นให้เกิดนักลงทุนหน้าใหม่มากมายในประเทศไทย โดยคนไทยเริ่มเห็นความสำคัญของการลงทุนมากขึ้น สะท้อนได้จากกระแสการลงทุนในสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นหุ้น กองทุนรวม หรือสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง คริปโตเคอร์เรนซี
ผลงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 FINNOMENA มีการเติบโตที่เหนือความคาดหมาย จากความมุ่งมั่นในการยกระดับดิจิทัลโซลูชันด้านการลงทุนกองทุนรวม ที่ใช้งานง่าย และตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน ทำให้มูลค่าการลงทุนผ่านแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นจาก 16,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 63 เพิ่มขึ้นทะลุ 30,000 ล้านบาทภายใน 6 เดือน คิดเป็นอัตราเติบโต 90%
บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่องการสร้าง engagement กับนักลงทุนผ่าน content ด้านการลงทุน และพัฒนาแพลตฟอร์มให้แตกต่าง และตอบโจทย์การสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าสำหรับนักลงทุน เป้าหมายหลักคือติดอาวุธให้นักลงทุนไทย ให้สามารถปลดล็อคศักยภาพการลงทุนของตัวเอง
นอกจากนี้ หนึ่งในความสำเร็จของครึ่งปีที่ผ่านมาของ FINNOMENA คือ กระแสตอบรับที่ดีเกินคาดจากกลุ่มลูกค้า Private Banking ต่อพอร์ตการลงทุน Global Optimized Return (GOR) ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง FINNOMENA และ Franklin Templeton องค์กรการบริหารจัดการสินทรัพย์ระดับโลก จัดเป็นพอร์ตการลงทุนกองทุนรวมที่ใช้ Global expertise ของ Franklin Templeton มาจัดพอร์ต GOR ให้กับนักลงทุนระดับ Private Banking โดยตรงเหมือนกับบริการ Offshore Private Banking ในต่างประเทศ โดยนักลงทุนไทยให้ความเชื่อมั่นและลงทุนในพอร์ตนี้ กว่า 1,000 ล้านบาท หลังจากเปิดตัวผลิตภัณฑ์
“นับเป็นความท้าทายอย่างมาก เพราะเราเปิดตัวแผนลงทุน GOR ที่ร่วมกันออกแบบกับ Franklin Templeton ซึ่งเป็นแผนการลงทุนระยะยาว 3-5 ปีในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดโลกค่อนข้างผันผวน ด้วยอัตราการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังมีอยู่ทั่วโลก และการค้นพบเชื้อโควิดกลายพันธุ์และเกิดวิกฤตในอินเดีย ทำให้ตลาดกลับเข้าสู่สถานการณ์เปราะบางอีกครั้งหลังจากสถานการณ์ในยุโรปและสหรัฐเริ่มดีขึ้นเมื่อตอนต้นปี แต่ด้วยความมั่นใจในความเชี่ยวชาญของสถาบันระดับโลกอย่าง Franklin Templeton และความเชื่อมั่นในทีมงาน FINNOMENA ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนดีเกินคาด
โดยในช่วงแรก เราเปิดรับเฉพาะลูกค้า FINNOMENA Private Banking เพียง 100 คนแรกเท่านั้น เพื่อให้การบริการมีความ exclusive และทั่วถึง เนื่องด้วยนักลงทุนกลุ่มนี้ได้รับข้อมูลการวิเคราะห์การลงทุนเชิงลึก และการดูแลปรับพอร์ตจากทีมงาน Franklin Templeton โดยตรง เราจึงอยากดูแลลูกค้าเป็นกลุ่มย่อยก่อน”นายเจษฎา กล่าว
นอกจากกลุ่ม Private Banking แล้ว FINNOMENA ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทั่วไปด้วยเช่นกัน โดยมีนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนผ่านแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดย FINNOMENA ได้เปิดตัวบริการที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล (Finnomena Personal Advisor) อย่างเป็นทางการ โดยที่ปรึกษาการลงทุนนี้ จะทำหน้าที่ช่วยแนะนำการวางแผนการลงทุนกองทุนรวมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นที่ 500,000 บาท โดยตั้งแต่หลังการเปิดตัวบริการ มีการกระแสตอบรับที่ดีจากตลาดเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท
FINNOMENA แพลตฟอร์มบริหารเงินลงทุนครบวงจรสำหรับนักลงทุนและที่ปรึกษาการลงทุน มีเป้าหมายหลักเพื่อปลดล็อกศักยภาพของนักลงทุนไทย ให้สามารถบรรลุเป้าหมายทางเงินได้ตามที่คาดหวัง โดยยึดหัวใจสำคัญคือ การเพิ่มความรู้และมุมมองการลงทุนตั้งแต่ระดับเบื้องต้นไปจนถึงเชิงลึก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดให้กับนักลงทุน โดยปัจจุบัน FINNOMENA มีจำนวน Subscribers ที่ติดตามความรู้และมุมมองการลงทุนบนแพลตฟอร์มกว่า 400,000 ราย และมีจำนวน Impressions ของ audience กว่า 80 ล้านครั้งต่อเดือน โดย ความประทับใจในแพลตฟอร์มยังสะท้อนได้จากจำนวนผู้ชมและผู้ติดตามรายการของ FINNOMENA ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น รายการ Morning Brief ช่วง 8.00 – 9.00 น. เป็นหนึ่งในรายการที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมียอดชมรายการสด (Live Concurrent view) ประมาณ 4,000 คน
ทั้งนี้ FINNOMENA มุ่งมั่นที่จะพัฒนารายการและคอนเทนต์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนทุกประเภท ตั้งแต่มือใหม่ สาย Tactical Call และการลงทุนระยะยาว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 64)
Tags: FINNOMENA, กองทุนรวม, คริปโตเคอเรนซี, นักลงทุน, หุ้น, เจษฏา สุขทิศ