น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนมิถุนายน 2564 ว่า เศรษฐกิจภูมิภาคชะลอตัวลงจากเดือนก่อนในหลายภูมิภาค อันเป็นผลจากการบริโภคอุปโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอตัวลง รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจภาคตะวันออก และ กทม.และปริมณฑลยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องจากเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ภาคตะวันออก
เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนทั้งจากการบริโภคอุปโภคและการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนสะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่และรายได้เกษตรกร ขยายตัว 48.2% 41.9% และ 51.1% ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยฐานต่ำในปีก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลแล้วขยายตัว 0.5% 14.2% และ 23.9% ตามลำดับ
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนสะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ ขยายตัว 20.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและขยายตัว 5.0% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลนอกจากนี้ เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวสูงที่ 212.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและขยายตัว 21.0% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ด้วยจำนวนเงินทุนสูงถึง4.8 พันล้านบาท จากโรงงานทำน้ำเชื่อมน้ำตาลไอซิ่งการทำส่วนผสมสำหรับทำอาหารจากแป้ง ในจังหวัดชลบุรี และโรงผลิตกระแสไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะชุมชน กำลังการผลิต 9.8 เมกะวัตต์ ในจังหวัดระยอง เป็นสำคัญ
ในด้านความเชื่อมั่นพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 105.0 จากระดับ 104.1 ในเดือนก่อนหน้า ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงมาอยู่ที่ระดับ 46.0 จากระดับ 47.6 ในเดือนก่อนหน้า
กทม.และปริมณฑล
เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่สูงต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าโดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนสะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ ขยายตัว 10.9% และ 75.7% ตามลำดับ และขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 10.2% และ 40.1% ตามลำดับ นอกจากนี้ เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัว 8.9% และขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลถึง 56.7% ด้วยจำนวนเงินทุน 3.3 พันล้านบาทจากโรงงานการซ่อมรถยนต์และเคาะพ่นสีรถยนต์ ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นหลัก
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนสะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ชะลอลง -2.1% และ -19.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนหน้าตามลำดับในขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกร ขยายตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 17.0% และ 16.3% ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลขยายตัวเช่นกันที่ 4.9% และ 4.0% ตามลำดับ
ในด้านความเชื่อมั่น พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมปรับลดลง มาอยู่ที่ระดับ 41.7 และ 80.1 ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 43.4 และ 81.9 ตามลำดับ
ภาคกลาง
เศรษฐกิจขยายตัวได้เมื่อเทียบกับปีก่อนแต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงโดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนสะท้อนจากจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ขยายตัว 20.7% และ 30.7% ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยฐานต่ำในปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลแล้วชะลอตัวลง -3.7% และ -14.7% ตามลำดับนอกจากนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และรายได้เกษตรกรชะลอลงเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนหน้า -21.0% และ -4.6% ตามลำดับ
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนสะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ ขยายตัวที่ 24.3% และ 61.7% ตามลำดับแต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลชะลอตัวลง -4.6% และ -12.8% ตามลำดับนอกจากนี้เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวในอัตราชะลอลงที่ 512.0% แต่ชะลอตัวลง -64.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลด้วยจำนวนเงินทุน 4.0 พันล้านบาทจากโรงงานตัดโลหะในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสำคัญสำหรับ
นอกจากนี้หากพิจารณาในด้านความเชื่อมั่น พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 42.1 และ 80.1 ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 43.5 และ 81.9 ตามลำดับ
ภาคใต้
เศรษฐกิจขยายตัวได้เมื่อเทียบกับปีก่อนแต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงโดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนสะท้อนจากจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวในอัตราชะลอลงที่ 40.6% และ 23.5% ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลชะลอตัวลง -1.3% และ -13.4% ตามลำดับ ในขณะภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ -15.9% แต่ขยายตัว 1.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนสะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ ขยายตัวในอัตราชะลอลงที่ 13.0% และ 48.1% ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลชะลอตัวลง -4.1% และ -8.0% ตามลำดับ อย่างไรก็ดีเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัว 57.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและขยายตัว 956.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลด้วยจำนวนเงินทุน1.1 พันล้านบาท จากโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานชีวมวล กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ในด้านความเชื่อมั่น พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 39.5 และ 82.0 ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 41.0 และ 84.3 ตามลำดับ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เศรษฐกิจชะลอตัวลง ทั้งจากการบริโภคอุปโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงโดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนสะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว -20.3% และ -2.7% ตามลำดับ ในขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ขยายตัวในอัตราชะลอลงที่ 19.7% และ 21.4% ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลแล้วชะลอตัวลง -0.3% และ -17.3ตามลำดับ
สอดคล้องกับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนสะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ ขยายตัวในอัตราชะลอลงที่ 3.7% และ 33.1% ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลชะลอตัวลง -3.6% และ -7.9% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัว 118.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและขยายตัว 81.9% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลแล้วด้วยจำนวนเงินทุน1.0 พันล้านบาท จากโรงงาน ฆ่า ชำแหละเนื้อไก่และแปรรูปชิ้นส่วนไก่เนื้อเพื่อการส่งออก ในจังหวัดขอนแก่น เป็นสำคัญ
ในด้านความเชื่อมั่น พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมปรับลดลง มาอยู่ที่ระดับ 47.1 และ 71.3 ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 48.4 และ 72.5 ตามลำดับ
ภาคเหนือ
เศรษฐกิจชะลอตัวลง ทั้งจากการบริโภคอุปโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงโดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวลงสะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล -16.3% และ -5.9% ตามลำดับ ในขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงที่ 30.0% และ 28.1% ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลชะลอตัวลง -4.0% และ -13.8% ตามลำดับ
สอดคล้องกับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนสะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล -12.9% และ -3.4% ตามลำดับในขณะที่เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการกลับมาขยายตัว 14.5% แต่ชะลอตัวลง -13.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลด้วยจำนวนเงินทุน1.5 พันล้านบาทจากโรงงานผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า (โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากเชื้อเพลิงชีวมวล) ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 9.500 กิโลวัตต์ ในจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นหลัก
ด้านความเชื่อมั่น พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมปรับลดลง มาอยู่ที่ระดับ 45.8 และ 59.0 ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 47.2 และ 60.0 ตามลำดับ
ภาคตะวันตก
เศรษฐกิจชะลอตัวลง ทั้งจากการบริโภคอุปโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงโดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนสะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล -9.6% และ -27.2% ตามลำดับ ในขณะที่จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวในอัตราชะลอลงที่ 19.8% และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลชะลอตัวลง -14.6%
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนสะท้อนจากเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ และจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน -94.9% และ -2.3% ตามลำดับ และชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -30.5% และ -6.0% ตามลำดับ
นอกจากนี้หากพิจารณาในด้านความเชื่อมั่น พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมปรับลดลง มาอยู่ที่ระดับ 42.1 และ 80.1 ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 43.5 และ 81.9 ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.ค. 64)
Tags: กุลยา ตันติเตมิท, สศค., เศรษฐกิจชะลอตัว, เศรษฐกิจไทย