หุ้นไทยปิดเช้าลบ 5.85 จุด Sentiment ตลาดเอเชียไม่สดใสหลังจีนลงดาบบริษัทเทคโนโลยี

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,546.51 จุด ลดลง 5.85 จุด (-0.38%) มูลค่าการซื้อขายราว 32,011 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับลงตามตลาดเอเชีย หลังจีนคุมกลุ่มเทคโนโลยีที่ไปจดทะเบียนในสหรัฐกดดัน Sentiment และตลาดสหรัฐแกว่งแคบเมื่อคืนที่ผ่านมา ส่วนบ้านเรายังเจอแรงกดดันโควิดระบาดหนัก-ยอดผู้ติดเชื้อทำนิวไฮ อีกทั้งจะเข้าสู่วันหยุดยาวนักลงทุนจึงเลือกขายทำกำไรก่อน บ่ายนี้คาดตลาดฯซึมลง ให้แนวรับ 1,540 แนวต้าน 1,550 จุด

  • ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,546.51 จุด ลดลง 5.85 จุด (-0.38%) มูลค่าการซื้อขายราว 32,011 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยทำระดับสูงสุด 1,553.25 จุด และระดับต่ำสุด 1,543.99 จุด

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวในแดนลบ หลังจากมีรายงานข่าวว่ารัฐบาลจีนกำลังพิจารณาใช้มาตรการลงโทษขั้นเด็ดขาดกับบริษัท ตีตี โกลบอล อิงค์ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเรียกรถโดยสารตีตีชูสิง (DiDi Chuxing) โดยอาจสั่งปรับเป็นเงินมูลค่ามหาศาล หรืออาจถึงขั้นบังคับให้บริษัทเพิกถอนการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐหลังจากเพิ่งเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

ความพยายามของทางการจีนในการควบคุมกลุ่มเทคโนโลยีที่ไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำให้ Sentiment ตลาดในเอเชียไม่สดใส ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯก็แกว่งแคบเมื่อคืนที่ผ่านมา ประกอบกับอยู่ในช่วงของการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในหลายตลาดฯด้วย

ส่วนบ้านเราเผชิญแรงกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ยังรุนแรง โดยยอดผู้ติดเชื้อทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง และจะเข้าสู่วันหยุดยาวหลายวันทำให้นักลงทุนเลือกขายทำกำไรออกมาก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์โควิดในช่วงวันหยุด

อย่างไรก็ดี สัปดาห์หน้าจะต้องติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีมาตรการเยียวยาหรือกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ รวมทั้งการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) , การแถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 2/64 ของสหรัฐและยูโรโซน อีกทั้งดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนที่จะทยอยออกมา

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายณัฐพล กล่าวว่า ตลาดฯคงยังซึมตัวลง โดยมีแนวรับ 1,540 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

  • STECH มูลค่าการซื้อขาย 2,122.86 ล้านบาท ปิดที่ 3.44 บาท เพิ่มขึ้น 0.66 บาท
  • PSL มูลค่าการซื้อขาย 874.50 ล้านบาท ปิดที่ 20.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท
  • TSTH มูลค่าการซื้อขาย 807.55 ล้านบาท ปิดที่ 1.84 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท
  • RCL มูลค่าการซื้อขาย 799.68 ล้านบาท ปิดที่ 56.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท
  • 7UP มูลค่าการซื้อขาย 790.16 ล้านบาท ปิดที่ 3.28 บาท เพิ่มขึ้น 0.28 บาท

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top