ดาวโจนส์ปิดบวก 25.35 จุด รับแรงซื้อหุ้นเทคโนฯ-ผลประกอบการสดใส

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึง AT&T บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยเฉพาะตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,823.35 จุด เพิ่มขึ้น 25.35 จุด หรือ +0.07%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,367.48 จุด เพิ่มขึ้น 8.79 จุด หรือ +0.20%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,684.60 จุด เพิ่มขึ้น 52.64 จุด หรือ +0.36%

หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.71% ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทเลน็อกซ์ เวลธ์ แอดไวเซอร์สในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า การชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนหุ้นเติบโต (Growth Stocks) เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร

ทั้งนี้ หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.68% หุ้นแอปเปิล บวก 0.96% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 0.68% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.43% หุ้นแอมะซอน ปรับตัวขึ้น 1.47% หุ้นเซลส์ฟอร์ซ พุ่งขึ้น 2.57%

หุ้น AT&T ปรับตัวขึ้น 0.39% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 89 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 79 เซนต์/หุ้น

หุ้นโดมิโน่ พิซซ่า อิงค์ ทะยานขึ้น 14.55% ขานรับตัวเลขกำไรในไตรมาส 2 ซึ่งอยู่ที่ 3.12 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.87 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้แรงหนุนจากความต้องการพิซซ่าที่ปรับตัวสูงขึ้นในสหรัฐ

หุ้นโมเดอร์นา ดีดตัวขึ้น 0.74% ขานรับข่าวดีจากการที่หุ้นของโมเดอร์นาได้ถูกรวมในการคำนวณดัชนี S&P500 แทนบริษัท Alexion ซึ่งถูกบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าซื้อกิจการ โดยราคาหุ้นโมเดอร์นาพุ่งขึ้นมากกว่า 3 เท่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าตลาดมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว

หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 1.07% หลังจากผลวิจัยล่าสุดซึ่งเผยแพร่ในวารสารการแพทย์ New England Journal of Medicine (NEJM) ระบุว่า วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์เมื่อฉีดครบทั้ง 2 โดสแล้ว จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้ดีเหมือนกับที่สามารถป้องกันสายพันธุ์อัลฟา โดยผลวิจัยดังกล่าวถือเป็นการสนับสนุนงานวิจัยของกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ (PHE) ที่เผยแพร่เมื่อเดือนพ.ค.เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์จากข้อมูลการใช้งานจริง

อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.14% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.01% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 1.04% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ปรับตัวลง 0.60%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 419,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. จากระดับ 368,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้นเพียง 1.4% สู่ระดับ 5.86 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.90 ล้านยูนิต โดยยอดขายบ้านมือสองได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งสูง, สต็อกบ้านในระดับต่ำ และราคาวัสดุสร้างบ้านที่พุ่งขึ้น

นักลงทุนยังคงจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยบริษัทราว 15% ในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่ง 88% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ 84% มีรายได้สูงกว่าคาด

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการจากมาร์กิต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top