รัฐบาลสหรัฐประกาศขยายการปิดพรมแดนระหว่างแคนาดาและเม็กซิโกสำหรับการเดินทางโดยไม่มีเหตุจำเป็น เช่น การท่องเที่ยว ไปจนถึงวันที่ 21 ส.ค.นี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เตรียมหารือถึงการบังคับใช้ข้อกำหนดให้ผู้ที่เดินทางต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก่อน
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐ (DHS) กำหนดให้ปิดพรมแดนต่อไปอีก 30 วัน แม้รัฐบาลแคนาดาประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 ก.ค.) ว่า จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวสหรัฐที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้วเดินทางเข้าประเทศได้ ตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.นี้เป็นต้นไป หลังจากมีคำสั่งห้ามชาวสหรัฐเดินทางเข้าประเทศนาน 16 เดือน ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจจำนวนมาก
ด้านนางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า “เรายึดแนวทางที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และสาธารณสุขแนะนำ ไม่ใช่สิ่งที่ประเทศอื่นปฏิบัติ” โดยนางซากีปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเรื่องระยะเวลาที่รัฐบาลสหรัฐจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางที่ยังคงห้ามไม่ให้หลายประเทศเดินทางเข้ามาในสหรัฐ
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวระบุว่าทำเนียบขาวมีแผนที่จะจัดประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสัปดาห์นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการควบคุมการเดินทาง และความเป็นไปได้ที่จะกำหนดให้ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในสหรัฐต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก่อน แต่ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจ
การทบทวนมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐมีความกังวลเพิ่มมากขึ้นจากการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขได้รายงานยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นจากการระบาดในบางพื้นที่ของสหรัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ค. 64)
Tags: การเดินทาง, ปิดพรมแดน, สหรัฐ, เจน ซากี, เม็กซิโก, แคนาดา