ประชาชนกว่าครึ่งหนึ่งในออสเตรเลียเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันโควิด-19 ในขณะนี้ หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาแพร่ระบาดในสามเมืองใหญ่ของประเทศ
รัฐเซาท์ออสเตรเลียประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) เป็นเวลา 7 วัน หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นในเมืองแอดิเลด โดยก่อนหน้านี้รัฐวิกตอเรียและเมืองซิดนีย์ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ได้ประกาศใช้มาตรการดังกล่าวไปแล้ว ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ของออสเตรเลียต้องอยู่ภายในบ้านตามคำสั่งที่ประกาศออกมาเพื่อสกัดการระบาดที่รุนแรงที่สุดของปีนี้
รัฐวิกตอเรียรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้อยู่ที่ 22 ราย ซึ่งเป็นยอดผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดที่พบในประเทศในรอบกว่าหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 9 รายเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของการระบาดรอบล่าสุดมีมากกว่า 100 ราย
ขณะที่เมืองซิดนีย์ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ อยู่ในช่วงการล็อกดาวน์สัปดาห์ที่ 4 จากทั้งหมด 5 สัปดาห์ ส่วนเมืองเมลเบิร์นซึ่งตั้งอยู่ในรัฐวิกตอเรียได้ขยายมาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 7 วันไปจนถึงต้นสัปดาห์หน้า
ออสเตรเลียพยายามสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว หลังพบผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นพนักงานขับรถลีมูซีนรับส่งผู้โดยสารในสนามบินที่เมืองซิดนีย์เมื่อเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในออสเตรเลียยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วอีกหลายประเทศ โดยมีผู้ติดเชื้อสะสมราว 32,100 ราย และเสียชีวิต 915 ราย แต่การฉีดวัคซีนที่ล่าช้าและการประกาศล็อกดาวน์ต่อเนื่องหลายครั้งได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ค. 64)
Tags: COVID-19, รัฐเซาท์ออสเตรเลีย, ล็อกดาวน์, ออสเตรเลีย, โควิด-19