APURE พุ่ง 12.39% โบรกฯระบุแนวโน้มปี 64 โตเด่น-เงินบาทอ่อนหนุน-ปันผลดี

หุ้น APURE ราคาพุ่งขึ้น 12.39% มาอยู่ที่ 6.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 195.28 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.20 น. โดยเปิดตลาดที่ 6 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 6.40 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 5.85 บาท

บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE) แนวโน้มปี 64 เติบโตเด่น เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าหนุนรายได้จากการส่งออก เบื้องต้นคาดว่ารายได้ปี 64 เติบโต 35%YoY ถึง 40%YoY ตลาดข้าวโพดจากต่างประเทศเติบโตต่อเนื่อง และจากความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นบริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตปี 64-65 เพิ่มขึ้น คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 64 อยู่ในกรอบ 6% ประเมินราคาเบื้องต้นอยู่ระหว่าง 7.15-8.00 บาท

จากการพูดคุยกับทางบริษัทพบว่าแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในปี 64 แนวโน้มเติบโต YoY ซึ่งหนุนจากการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรในการผลิตในปีก่อน และออเดอร์จากลูกค้ารายใหม่ รวมไปถึงแนวโน้มของค่าเงินบาทอ่อนค่า ยังเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการของบริษัท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการสั่งซื้อเครื่องจักรเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิต คาดว่าจะเริ่มการดำเนินงานได้ในปี 65 ทั้งนี้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ปี 64-66) บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตขั้นต่ำ (CAGR) 20-30% ต่อปี และบริษัทยังมีความน่าสนใจแง่เงินปันผล ซึ่งคาดว่าจะได้รับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 64 ราว 6% ประเมินกำไรสุทธิในปี 64 เบื้องต้นไว้ที่ 400 ล้านบาท

ตลาดข้าวโพดในต่างประเทศ หนุนการขยายกำลังการผลิตในปี 64-65 ปัจจุบัน บริษัทมีไลน์การผลิตข้าวโพดแปรรูปจำนวน 5 ไลน์การผลิต คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 150,000 ตัน โดยในปี 63 บริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 81.37% โดยบางไลน์ได้ใช้ผลิตเต็มกำลังการผลิตแล้ว เราจึงคาดว่าบริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตในปี 64-65 เพิ่มขึ้นอีก 20% และ 15% ตามลำดับ เพื่อรองรับตลาดข้าวโพดแปรรูปในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศอเมริกาและยุโรป

แนวโน้มรายได้ปี 64 คาดว่าจะเติบโต 35-40%YoY หนุนจากดีมานด์ที่ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง แม้คำสั่งซื้อมีการเลื่อนออกไปบางส่วนจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ แต่ผลกระทบจำกัด และเงินบาทอ่อนค่า โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้ในปี 63 จากต่างประเทศคิดเป็น 91% และในประเทศคิดเป็น 9% อีกทั้งมีการพัฒนาสินค้าแบรนด์ของบริษัทเพิ่มขึ้น และบริษัทพัฒนาและปรับรูปแบบสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า

นอกจากนี้ ความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพส่งผลให้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้น YoY (อัตรากำไรขั้นต้นปี 2563 อยู่ที่ 26.8%) ลักษณะธุรกิจ บริษัทมีสถานะเป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) โดยดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารผ่านบริษัทย่อยต่างๆ ซึ่งในปี 63 กว่า 90% เป็นการขายเพื่อการส่งออก (Oversea Market) แบ่งเป็น 3 ประเภทผลิตภัณฑ์หลัก ประกอบด้วยข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋อง มีรายได้ 1,570 ล้านบาท คิดเป็น 79%, ผักและผลไม้สด มีรายได้ 68 ล้านบาท คิดเป็น 3.5%, ข้าวโพดหวานบรรจุถุงสุญญากาศ มีรายได้ 173 ล้านบาท คิดเป็น 8.7% และรายได้จากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในประเทศไทย 8.8%

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ค. 64)

Tags: , , , , ,