นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แกรนด์ รอยัล ออคิด โฮสพีทาลิตี้ ที่มีข้อตกลงในการซื้อคืน เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “GROREIT” ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2564
ทั้งนี้ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีข้อตกลงในการซื้อคืน (REIT buy-back) เป็นหลักทรัพย์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกมาตรการเพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีทางเลือกในการระดมทุนเสริมสภาพคล่องในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดย GROREIT เป็น REIT buy-back ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นกองแรก
GROREIT เสนอขายหน่วยทรัสต์ต่อผู้ลงทุนสถาบันและประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 9 กรกฎาคม 2564 รวมจำนวน 315 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 10 บาท รวมมูลค่าเสนอขาย 3,150 ล้านบาท โดยมี บลจ.วรรณ เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ และผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ซึ่งเป็นการจัดจำหน่ายแบบ Best Effort และ บลจ. เอ็มเอฟซี เป็นทรัสตี
GROREIT เข้าลงทุนในโครงการโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเทล แอนด์ ทาวเวอร์ส โรงแรมระดับ Upper-upscale (5 ดาว) ภายใต้การบริหารของ Starwood Hotels & Resorts Worldwide, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกลุ่ม Marriott มีจุดเด่นในเรื่องทำเลที่ตั้งที่อยู่ติดโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา ห้องพักทั้งหมดเห็นวิวแม่น้ำ และอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ โดยมีห้องพักรวม 726 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในรูปแบบต่างๆ ตามมาตรฐานโรงแรมระดับนานาชาติ ทั้งนี้ กองทรัสต์มีสัญญาที่ บมจ.โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นเจ้าของเดิมจะรับซื้อทรัพย์สินคืนภายในระยะเวลา 5 ปี
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า GROREIT หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แกรนด์ รอยัล ออคิด โฮสพีทาลิตี้ ที่มีข้อตกลงในการซื้อคืน ซึ่งเป็น REIT Buy-Back กองแรกของประเทศไทย โดย GROREIT จะลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโครงการในโรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเท็ล แอนด์ ทาวเวอร์ส มูลค่ารวมของกองทรัสต์ 4,500 ล้านบาท โดยความน่าสนใจของกอง REIT ประเภทนี้ คือ เจ้าของเดิมมีเงื่อนไขที่จะต้องกลับมาซื้อทรัพย์สินคืนในราคาและระยะเวลาที่กำหนดแน่นอน ซึ่ง GROREIT จะลงทุนไม่เกิน 5 ปี โดยเจ้าของเดิมมีสิทธิในการซื้อคืน (Option) ปีที่ 3 หรือ 4 และจะต้องซื้อคืน (Obligation) ในปีที่ 5 ผลตอบแทนรวมประมาณ 8% ต่อปี (IRR) โดยในระหว่างที่เจ้าของเดิมยังไม่ได้ซื้อทรัพย์สินคืนผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 6% ต่อปี
GROREIT มีรายได้ค่าเช่าที่แน่นอนภายใต้สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ โดยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วของรอบปีบัญชี โดยหลัง IPO ผู้ถือหน่วยทรัสต์รายใหญ่ของ GROREIT 3 ลำดับแรกได้แก่ 1) บมจ.หลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) ถือหน่วยทรัสต์ 23.89% 2) กองทุนเปิดวรรณ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส ฟันด์ ถือหน่วยทรัสต์ 1.89% และ 3) นางกุลธิดา บุญอิต ถือหน่วยทรัสต์ 1.62%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ค. 64)
Tags: GROREIT, SET, กองทรัสต์, ตลท., ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, บลจ.วรรณ, พจน์ หะริณสุต, แมนพงศ์ เสนาณรงค์