ออสเตรเลียเปิดเผยว่า รัฐวิกตอเรียจะขยายเวลาล็อกดาวน์เพื่อคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่จะสิ้นสุดในวันอังคารนี้ออกไปอีก แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงเล็กน้อยก็ตาม ขณะที่เมืองใหญ่ที่สุด 2 แห่งของออสเตรเลียยังคงพยายามยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาซึ่งแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว
นายแดเนียล แอนดรูวส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียกล่าวว่า รัฐวิกตอเรียจะยังไม่ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เนื่องจากยังคงตรวจพบการติดเชื้อในชุมชนอยู่ และจะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในวันอังคารนี้
นายแอนดรูวส์กล่าวว่า “แม้อาจดูเหมือนมีแสงสว่างให้เห็น แต่ก็มีโอกาสสูงมากที่เราจะกลับสู่การล็อกดาวน์อีกครั้ง นั่นคือสิ่งที่ผมพยายามหลีกเลี่ยง”
รัฐวิกตอเรีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชาชนมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และเป็นที่ตั้งของเมืองเมลเบิร์น รายงานพบการติดเชื้อรายใหม่ 13 รายในวันนี้ ลดลงจาก 16 รายในวันอาทิตย์ โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมดต่างก็มีความเชื่อมโยงกัน
ชาวออสเตรเลียเกือบครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 25 ล้านคนต้องอยู่ในบ้าน โดยซิดนีย์ ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์เป็นเวลา 5 สัปดาห์ ขณะที่ประชาชนในรัฐวิกตอเรียทั้งหมดต้องอยู่แต่ในบ้านตามกฎระเบียบ หลังจากที่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาทำให้เกิดการแพร่ระบาดครั้งร้ายแรงที่สุดในออสเตรเลียในปีนี้
รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีซิดนีย์เป็นเมืองหลวง มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศ 98 รายในวันจันทร์ ลดลงจาก 105 รายในวันอาทิตย์ และมีอย่างน้อย 20 รายที่เป็นผู้ติดเชื้อในชุมชน ซึ่งใกล้เคียงกับหลายวันที่ผ่านมา
รัฐนิวเซาท์เวลส์ได้ขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์เมืองซิดนีย์แล้ว 2 ครั้งนับตั้งแต่เริ่มประกาศใช้ครั้งแรกในวันที่ 26 มิ.ย. ซึ่งมาตรการที่เข้มงวดในปัจจุบันจะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ค.นี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ค. 64)
Tags: COVID-19, รัฐวิกตอเรีย, ล็อกดาวน์, โควิด-19, โควิดสายพันธุ์เดลตา