ผลการศึกษากลุ่มบุคลากรการแพทย์ในฮ่องกงที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ของบริษัทบิออนเทค/ไฟเซอร์ และวัคซีนชนิดเชื้อตายของบริษัทซิโนแวค ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันมากในแง่ของระดับแอนติบอดี โดยวัคซีนของบิออนเทคสร้างแอนติบอดีต่อไวรัสโควิด-19 มากกว่าของซิโนแวคถึง 10 เท่าเมื่อฉีดครบทั้ง 2 โดส
ผลการวิจัยดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ในวารสาร The Lancet แล้วในวันนี้ โดยนักวิจัยเปิดเผยว่า ระดับแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ (Neutralizing Antibody) ที่แตกต่างกันอาจทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ แม้แอนติบอดีเหล่านี้ไม่ได้นับว่าเป็นองค์ประกอบทั้งหมดหนึ่งเดียวในการวัดความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกันก็ตาม
ผลการค้นพบดังกล่าวเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่า วัคซีนชนิด mRNA มีประสิทธิภาพมากกว่าในการป้องกันไวรัส Sars-CoV-2 และไวรัสกลายพันธุ์ เมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดเชื้อตายซึ่งใช้กันมายาวนาน
ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด mRNA นั้นเป็นการนำชิ้นส่วนสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 (mRNA) ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีนปุ่มหนามของเชื้อไวรัส (Spike protein) มาสังเคราะห์เป็นรหัสคำสั่งที่เรียกว่า S-spike mRNA และเมื่อฉีดวัคซีนชนิด mRNA เข้าสู่ร่างกาย จะทำให้เซลล์ในร่างกายผลิตโปรตีนส่วนที่เป็นปุ่มหนามของไวรัสขึ้น และโปรตีนที่ผลิตได้ในส่วนนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Antigen) ให้ร่างกายรู้จักกับเชื้อโควิด-19 และสร้างภูมิคุ้มกัน (Antibody) ขึ้นเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 โดยในปัจจุบันมีวัคซีนชนิด mRNA อยู่ 2 ตัวได้แก่ วัคซีนของไฟเซอร์/บิออนเทค และโมเดอร์นา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ค. 64)
Tags: BioNTech, COVID-19, Sinovac, ซิโนแวก, บิออนเทค-ไฟเซอร์, วัคซีนต้านโควิด-19, โควิด-19