ออสเตรเลียประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ฉับพลันในเมืองเมลเบิร์นเป็นเวลา 5 วัน หลังจากมีคำสั่งให้ประชาชนในเมืองซิดนีย์อยู่เพียงบริเวณบ้านพักอาศัยไปก่อนหน้านี้ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด
นายแดเนียล แอนดรูวส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียกล่าวว่า เมืองต่างๆ ในรัฐวิกตอเรีย รวมถึงเมืองเมลเบิร์นซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของออสเตรเลีย ต้องตกอยู่ในมาตรการล็อกดาวน์เป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
“เราจำเป็นต้องทำเช่นนี้ เรามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในการดำเนินการให้รวดเร็วทันการ ถ้าหากว่าเรารอ หรือว่าลังเลสงสัย เราจะมองย้อนกลับมาแล้วนึกเสียดายที่ไม่ได้ดำเนินการด้านต่างๆ ให้มากกว่านี้ตั้งแต่ต้น”
นายแอนดรูวส์ ระบุ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อวานนี้ซิดนีย์ประกาศขยายระยะเวลาล็อกดาวน์ไปถึงวันที่ 30 ก.ค. ซึ่งแปลว่า ซิดนีย์จะถูกตัดขาดจากพื้นที่อื่นๆ ของออสเตรเลียนานถึง 5 สัปดาห์เต็ม ทั้งนี้ ซิดนีย์ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียนั้น รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 65 รายในวันนี้ ขณะเดียวกัน บริสเบนซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของออสเตรเลีย รายงานพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ 3 ราย ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากซิดนีย์
ทางด้านนิวซีแลนด์ก็ได้ประกาศระงับโครงการทราเวล บับเบิล ระหว่างนิวซีแลนด์กับรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรียแล้ว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
นายสก็อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียออกแถลงข่าวในวันนี้ว่า มาตรการล็อกดาวน์ “ควรเป็นทางเลือกสุดท้าย…แต่บางครั้งเมื่อต้องเจอกับไวรัสสายพันธุ์เดลตา เราก็อาจเลือกใช้มาตรการล็อกดาวน์เร็วกว่าสถานการณ์ปกติมาก ผมคิดว่าประชาชนชาวออสเตรเลียเข้าใจดีว่า การรับมือกับโควิด-19 นั้นไม่มีแนวทางที่แน่นอน”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ค. 64)
Tags: COVID-19, ซิดนีย์, รัฐวิกตอเรีย, ล็อกดาวน์, สก็อต มอร์ริสัน, ออสเตรเลีย, เมลเบิร์น, แดเนียล แอนดรูวส์, โควิด-19, โควิดสายพันธุ์เดลตา