สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการระดมทุนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) รวมถึงวิสาหกิจเริ่มต้น (สตาร์ทอัพ) และการจัดตั้งตลาดรองเพื่อซื้อขายหุ้นของเอสเอ็มอี หรือ “เอสเอ็มอีบอร์ด” เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางในการระดมทุนให้กับเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนได้ตามความเหมาะสมและความต้องการ
ปัจจุบัน พบว่ามีเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพในการพัฒนาและเติบโตเป็นกิจการขนาดใหญ่ แต่ยังขาดแคลนเครื่องมือการระดมทุนในวงกว้างและมีข้อจำกัดที่ทำให้ยังไม่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการผลักดันและสร้างโอกาสให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนรูปแบบใหม่ที่เหมาะสมกับขนาดของกิจการ ก.ล.ต. จึงได้ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์เปิดช่องทางให้เอสเอ็มอีสามารถดำเนินการระดมทุนจากผู้ลงทุนเป็นวงกว้างและนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดรองได้
เอสเอ็มอีที่ต้องการระดมทุนในวงกว้างและเข้าจดทะเบียนในตลาดรองได้ต้องมีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งมีกลไกคุ้มครองผู้ถือหุ้นตามกฎหมาย (ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535) โดยจะผ่อนปรนหลักเกณฑ์ทั้งในตลาดแรกและตลาดรองเพื่อให้เหมาะสมกับเอสเอ็มอีและไม่เป็นภาระกับเอสเอ็มอีมากเกินไป เช่น ไม่ต้องยื่นคำขออนุญาต ไม่กำหนดให้มีที่ปรึกษาทางการเงิน และไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมโดยกิจการ
อย่างไรก็ตาม ยังต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เช่น
1. ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อเปิดเผยข้อมูลของกิจการและงบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีที่สังกัดสำนักงานสอบบัญชีที่ผ่านการตรวจคุณภาพจาก ก.ล.ต.
2. กำหนดให้มีการจัดส่งงบการเงินครึ่งปีและงบปีที่ผ่านการสอบทานหรือตรวจสอบ โดยผู้สอบบัญชีที่สังกัดสำนักงานสอบบัญชีที่ผ่านการตรวจคุณภาพจาก ก.ล.ต. และรายงานประจำปี
3. มีกรรมการและผู้บริหารสูงสุดของแต่ละสายงานที่ไม่มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจ และต้องมีหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นกรรมการและผู้บริหาร (fiduciary duty)
4. ขายหุ้นผ่านตัวกลางซึ่งมีหน้าที่ในการทำความรู้จักลูกค้า (KYC) และแนะนำการลงทุนที่เหมาะสม (Suitability)
สำหรับการลงทุนในหุ้นเอสเอ็มอีทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง จะเปิดให้เฉพาะผู้ลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์การลงทุนมีประสบการณ์และมีสินทรัพย์สูงในระดับที่สามารถรับความเสี่ยงได้ เช่น ผู้ลงทุนสถาบัน กิจการเงินร่วมลงทุน (private equity) นิติบุคคลร่วมลงทุน (venture capital) ผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ (angel investor) กรรมการและพนักงานของเอสเอ็มอี หรือบริษัทในเครือ เป็นต้น เพื่อคงหลักการคุ้มครองผู้ลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุน
ทั้งนี้ การซื้อขายหุ้นเอสเอ็มอีในตลาดรองจะต้องดำเนินการส่งคำสั่งผ่านตัวกลางโดยเป็นระบบการจับคู่คำสั่งซื้อขายแบบ auction วันละ 1 รอบ และผู้ลงทุนจะต้องมีเงินเต็มจำนวนก่อนการซื้อและผู้ขายจะต้องมีหุ้นเพียงพอในบัญชีก่อนขาย (prepaid market) รวมทั้งมีการกำกับดูแลในเรื่องการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์เช่นเดียวกับ SET และ mai เป็นต้น
กก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th และเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ www.set.or.th ผู้เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือทาง e-mail: [email protected] หรือ [email protected] จนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2564
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ค. 64)
Tags: SMEs, ก.ล.ต., ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สตาร์ทอัพ, หุ้นเอสเอ็มอี, หุ้นไทย, เอสเอ็มอี