นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ (NDR) เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังนี้น่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศโดยรวมน่าจะเริ่มดีขึ้น หลังจากเริ่มมีการกระจายฉีดวัคซีนมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของต้นทุนวัตถุดิบคาดว่าราคาไม่น่าจะขยับขึ้นมากนักเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก แต่ราคาขายสินค้าอาจขยับขึ้นได้บ้างตามสถานการณ์
ทั้งนี้ คาดว่าตลาดในประเทศมาเลเซียช่วงไตรมาส 3/64 น่าจะมีดีมานด์เพิ่มขึ้น หากประเทศมาเลเซียกลับมาเปิดประเทศ ซึ่งในช่วงที่ปิดประเทศนั้นส่งผลให้โรงงานในมาเลเซียเองไม่สามารถผลิตสินค้าได้ อาจจะทำให้เกิดสภาวะสินค้าขาดตลาดในไตรมาส 3/64
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถเดลิเวอรี่ ที่คาดว่าจะมีปริมาณการใช้รถจักรยานยนต์มากขึ้น ทำให้ความต้องการยางรถจักรยานยนต์ในตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่มีแผนขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยปัจจุบันกำลังเริ่มทำตลาดที่เกาหลีอยู่
นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและจะสะท้อนไปยังผลการดำเนินงานภาพรวมของบริษัท โดยบริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโต 15-20% จากปีก่อน ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
“ผลประกอบการครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะสภาวะตลาดในมาเลเซียที่น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก รวมถึงในไทยเองที่มีการฉีดวัคซีนมากขึ้นน่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น ส่วนต้นทุนน่าจะไม่มีการขยับเพิ่มขึ้นมากนัก แต่ราคาขายน่าจะมีการขยับขึ้นตามช่วงเวลา โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ปีนี้จะแบ่งเป็นในประเทศ 40% และต่างประเทศ 60%”
นายชัยสิทธิ์ กล่าว
นายชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ด้านแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังของบริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนนั้น บริษัทฯ จะเร่งผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยอีทรานมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเป็นเดือนละ 350 คัน จากเดิมที่วางแผนผลิตเดือนละ 100 คัน เนื่องจากมีคำสั่งจองเช่าเข้ามามากกว่าที่คาดการณ์ไว้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.ค. 64)
Tags: NDR, ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา, ผลประกอบการ, มาเลเซีย, ยางรถจักรยานยนต์, หุ้นไทย, เอ็น.ดี.รับเบอร์