กระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ (PHE) เปิดเผยในวันศุกร์ (9 ก.ค.) ว่า จากการศึกษาประชาชนกลุ่มเสี่ยงจำนวน 1 ล้านรายพบว่า วัคซีนของไฟเซอร์และแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 แบบมีอาการในกลุ่มประชาชนที่มีความเสี่ยงสูง
PHE ระบุว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนโดยรวมทั้งของไฟเซอร์และแอสตร้าฯในการป้องกันโรคโควิด-19 ในกลุ่มเสี่ยงที่มีอายุแตกต่างกันเล็กน้อยนั้น อยู่ที่ราว 60% หลังฉีดโดสแรก
ทั้งนี้ ประสิทธิภาพของวัคซีนแอสตร้าฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 81% หลังฉีดโดสที่สองในประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่มีอายุ 16-64 ปี แต่ PHE ไม่มีข้อมูลของผู้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในช่วงอายุดังกล่าว
ส่วนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่มีอายุมากกว่า 64 ปีขึ้นไปนั้นพบว่า หลังการฉีดโดสที่สอง วัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพ 89% และวัคซีนแอสตร้าฯมีประสิทธิภาพ 80%
แมรี่ แรมเซย์ หัวหน้าฝ่ายการสร้างภูมิคุ้มกันของ PHE กล่าวว่า “ข้อมูลในโลกที่เป็นจริงนี้แสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกว่า ประชาชนส่วนใหญ่ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 นั้น จะยังคงได้รับการป้องกันในระดับสูงหลังจากการฉีดวัคซีนสองโดส”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ค. 64)
Tags: วัคซีนต้านโควิด-19, แอสตร้าเซนเนก้า