นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญของรัฐสภา กล่าวถึงการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขระบบการเลือกตั้งในชั้นกรรมาธิการว่า ในสัปดาห์หน้ายังคงเดินหน้าการประชุมตามปกติ
เพราะภายในห้องประชุมสามารถรักษาระยะห่างได้ และมีมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเข้มงวด และ กมธ.จะพิจารณาเพียงอีก 4 นัด หรือประมาณ 2 สัปดาห์ก็จะแล้วเสร็จ โดยจะสามารถนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาต่อในวาระ 2-3 ได้ในช่วงเดือน ส.ค.นี้ พร้อมเชื่อมั่นว่า การแก้ไขในมาตราอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการแก้ไขที่รัฐสภารับหลักการมานั้น จะไม่นำไปสู่การยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย
“เราคงประชุม เพราะห้องประชุมสามารถจัดระยะห่างได้ และที่นั่งก็มีระยะห่างมาก รวมถึงมีมาตรทางการทางสาธารณะสุขเข้มงวด จึงคงประชุมต่อ และคิดว่า ใช้การประชุมอีกแค่ 4 ครั้งก็เสร็จ ต้นเดือนสิงหาก็น่าจะนำเข้าที่ประชุมรัฐสภา ในวาระ 2 และ 3 ได้”
นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวว่า พรรคฯ ได้เสนอแปรญัตติแก้ไขเนื้อหาที่สำคัญให้สอดคล้องกับหลักการ อาทิ การใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ, การกำหนดให้พรรคการเมือง จะต้องส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต ไม่น้อยกว่า 100 เขต จึงจะมีสิทธิส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้ และคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อจะต้องไม่น้อยกว่า 1% จึงจะมีสิทธิได้รับจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทย ได้เสนอแปรญัตติแก้รายละเอียดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นระบบการเลือกตั้งเพิ่มเติมแล้ว โดยมีรายละเอียดที่ใกล้เคียงกับรายละเอียดในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอต่อรัฐสภา อาทิ การใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และการกำหนดให้พรรคการเมืองจะต้องส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต ไม่น้อยกว่า 100 เขต จึงจะส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้ โดยพรรคใดที่ได้คะแนนน้อยกว่า 1% ให้ถือว่าไม่มีผู้ใดในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองพรรคนั้นได้รับเลือกตั้ง
พร้อมเพิ่มบทเฉพาะกาลไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อคุ้มครองสมาชิกภาพ ส.ส.ปัจจุบัน โดยให้มีผลบังคับใช้ในการเลือกตั้งครั้งถัดไป และกำหนดให้รัฐสภา ดำเนินการแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน
“แปรญัตติคล้ายกับร่างที่เราเสนอในรัฐสภา เพราะเราดูครอบคลุมทุกมาตราในการแก้ไขระบบเลือกตั้ง หลักการคงเดิมคือ คงเกณฑ์คำนวณคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อขั้นต่ำ 1% ไว้ เพื่อป้องกัน ส.ส.ปัดเศษ…จะให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ มีผลในการเลือกตั้งตั้งแต่ครั้งหน้าเป็นต้นไป และการเร่งรัดการทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน”
นพ.ชลน่าน กล่าว
พร้อมยันด้วยว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีการหารือกันถึงการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่รัฐสภารับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอแก้ไขระบบเลือกตั้งเพียง 2 มาตรา แต่ไปเกี่ยวพันกับมาตราอื่น ๆ ด้วย เพราะพรรคเพื่อไทย มั่นใจว่า รัฐสภาสามารถดำเนินการแก้ไขได้ เพราะข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ในข้อ 124 ห้ามแก้ไขเพิ่มเติมที่ขัดต่อหลักการ เว้นแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับหลักการเดียวกันในมาตราอื่น ๆ ทั้งการแบ่งเขต, การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่สามารถแก้ไขได้ เป็นต้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ค. 64)
Tags: การเลือกตั้ง, ชลน่าน ศรีแก้ว, พปชร., พรรคพลังประชารัฐ, พรรคเพื่อไทย, ร่างรัฐธรรมนูญ, แก้ไขรัฐธรรมนูญ, ไพบูลย์ นิติตะวัน