หมอ BH แจงข้อมูลฉีดโมเดอร์นากระตุ้นภูมิซิโนแวก แนะผู้ได้รับแอสตร้าฯรอวัคซีน Gen ใหม่

ผศ.นพ.วิชัย เตชะสาธิต แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ และผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการสถานการณ์โควิด-19 โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า วัคซีนต้านโควิด-19 แต่ละชนิดมีประสิทธิภาพต่างกัน โดยวัคซีนชนิด mRNA สามารถป้องกันการติดเชื้อได้มากกว่า 90% รองลงมาคือชนิด Viral Vector จากนั้นจะเป็นวัคซีนเชื้อตาย เช่น ซิโนแวก

หลักการสำคัญที่สุดของการรับวัคซีนโควิด-19 คือฉีดแล้วถึงแม้จะติดเชื้อแต่ต้องไม่มีอาการรุนแรง โดยจากการศึกษาพบว่าวัคซีนทุกชนิดในขณะนี้ฉีดแล้วสามารถป้องกันอาการป่วยรุนแรงได้ ดังนั้ นแนะนำให้ทุกคนฉีดวัคซีนไม่ว่าจะชนิดใดก็ตามเพื่อลดอาการป่วยรุนแรงก่อน

สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับวัคซีนโมเดอร์นา ชนิด mRNA ที่โรงพยาบาลเอกชนเปิดรับจองอยู่ในขณะนี้นั้น กลุ่มแรกควรเป็นบุคคลที่ไม่เคยได้รับวัคซีนเลย

ส่วนกลุ่มที่เคยได้รับวัคซีนชนิดอื่นมาก่อนหน้านี้ หากได้รับวัคซีนซิโนแวกครบ 2 เข็มแล้ว แนะนำว่าให้พิจารณาการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เมื่อฉีดครบ 2 เข็มแล้วเป็นเวลา 3-6 เดือน เนื่องด้วยสถานการณ์ขณะนี้ที่มีความต้องการวัคซีนสูง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องบริหารทรัพยากรให้มีความเหมาะสมมากที่สุด เพื่อช่วยให้ประเทศไทยสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้โดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม ข้อแนะนำดังกล่าวยังไม่ได้เป็นข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลก (WHO) แต่จากข้อมูลที่ได้รับและสถานการณ์จริงมีแนวโน้มสูงว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวกจะต้องได้รับวัคซีนเข็ม 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แนะนำให้ผู้ที่รับวัคซีนแล้ว 1 เข็ม ฉีดให้ครบ 2 เข็ม (ระยะเวลาห่างกัน 3 เดือน) ซึ่งหากได้รับครบ 2 เข็มแล้วจะมีภูมิต้านทานที่สามารถป้องกันสายพันธุ์เดลต้าได้

“บุคลากรทางการแพทย์ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนซิโนแวก ดังนั้นหากมีวัคซีนเพียงพอไม่ว่าจะเป็นโมเดอร์นา หรือไฟเซอร์ควรให้วัคซีนเข็ม 3 แก่บุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มแรก เพื่อให้แพทย์สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ไม่ได้เป็นการทำเพื่อตัวเอง แต่เป็นการลดการติดเชื้อจากการสัมผัสของแพทย์สู่ผู้ป่วย จนกว่าประเทศไทยจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้” ผศ.นพ.วิชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วมีความกังวลใจอยากฉีดวัคซีนโมเดอร์นา ทางโรงพยาบาลเอกชนคาดว่าจะได้รับวัคซีนเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/64 แต่คนไทยส่วนใหญ่เริ่มฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในเดือน มิ.ย.64 ซึ่งจะได้รับเข็ม 2 ในเดือน ก.ย. 64 หากต้องการฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต้องเว้นระยะเวลาหลังเข็ม 2 นาน 3-6 เดือน ดังนั้นน่าจะสามารถฉีดวัคซีนได้ในเดือนก.พ.65

ในขณะเดียวกันทางแอสตร้าเซนเนก้า และโมเดอร์นากำลังอยู่ระหว่างทดลองวิจัยผลิต Multivalent Vaccine คือวัคซีนเวอร์ชั่นใหม่ที่นำเชื้อโควิดที่กลายพันธุ์มาพัฒนาวัคซีน ซึ่งประสิทธิภาพของวัคซีนก็จะดีขึ้นแน่นอน ดังนั้นข้อแนะนำต่อผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าคือให้รอวัคซีนเวอร์ชั่นใหม่จะดีกว่า

สำหรับการฉีดวัคซีนแบบสลับชนิด ขณะนี้ทั่วโลกกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาทดลอง และยังไม่ได้รับการยืนยันจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ดังนั้นจึงยังไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนแบบสลับ เนื่องจากยังไม่ทราบถึงประสิทธิภาพการป้องกัน และผลข้างเคียงในระยะยาว

ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลจะเปิดจองวัคซีนโมเดอร์นาในวันที่ 9 ก.ค.64 เป็นต้นไปจนกว่าวัคซีนล็อตแรกที่ทางโรงพยาบาลได้รับมาจะหมด โดยมีราคาต่อเข็มอยู่ที่ 1,650 บาท ขั้นตอนคือวันพรุ่งนี้จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านหน้าเว็บไซต์ Bumrungrad.com เพียงแหล่งเดียว โดยขอสงวนสิทธิ์ให้กับผู้ป่วยที่มีประวัติการรักษากับทางโรงพยาบาลก่อน หลังจากนั้นจะเปิดให้บุคคลทั่วไปลงทะเบียนเป็นลำดับต่อไป

ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลจะกำหนดผู้ลงทะเบียนในแต่ละวัน ซึ่งเมื่อครบตามจำนวนแล้วจะปิดการลงทะเบียน และจะเปิดรับใหม่ในวันถัดไป เนื่องจากโรงพยาบาลต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูล

แผนการจัดสรรวัคซีนของโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ คือจะฉีดให้ประชาชนผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยกลุ่มที่ 1 คือผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนใดๆ เลย โดยจะให้สิทธิ์แก่ผู้ป่วยของโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ก่อน ซึ่งกลุ่มนี้จะอนุญาตให้จองวัคซีนจำนวน 2 เข็ม คาดว่าจะได้รับในไตรมาส 4/64 หรือเดือนพ.ย. 64-มี.ค 65

กลุ่มที่ 2 คือผู้ที่รับวัคซีนซิโนแวกครบ 2 เข็มแล้ว จะสามารถจองวัคซีนโมเดอร์นาได้ 1 เข็ม เพื่อฉีดกระตุ้นภูมิ โดยจะเน้นให้บุคลากรทางการแพทย์ และพนักงานที่มีความเสี่ยงก่อน

และกลุ่มที่ 3 คือผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยแนะนำให้ฉีดให้ครบ 2 เข็มก่อน และรอวัคซีนตัวใหม่ในปีหน้า

นอกจากนี้ยังเปิดรับการจองวัคซีนของชาวต่างชาติที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนด้วย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ค. 64)

Tags: , , , , , , , , , ,
Back to Top