Copernicus ซึ่งเป็นหน่วยงานสังเกตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมในยุโรป เปิดเผยในรายงานประจำเดือนว่า คลื่นความร้อนในภูมิภาคอเมริกาเหนือเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ทำให้อุณหภูมิพุ่งแตะระดับสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา
Copernicus ระบุว่า ในเดือนมิ.ย. ภาคเหนือและภาคตะวันออกของยุโรปก็ต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนผิดปกติเช่นเดียวกัน โดยอุณหภูมิของเดือนมิ.ย. 2564 นั้น สูงเป็นอันดับที่ 2 ของอุณหภูมิสูงสุดตลอดกาล และยังเป็นเดือนที่วัดอุณหภูมิทั่วโลกได้สูงสุดเป็นอันดับ 4 เทียบเท่ากับเมื่อเดือนมิ.ย. 2561
ข้อมูลจาก Copernicus เผยว่า สภาพอากาศในเดือนมิ.ย.ส่งผลกระทบต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยุโรป ก่อนจะเคลื่อนที่ไปทางตะวันตกเฉียงใต้เข้าสู่พื้นที่แอฟริกาเหนือ และเคลื่อนที่ไปทางตะวันออกเฉียงใต้เข้าสู่อิหร่านและปากีสถาน
ภาวะโลกร้อนส่งผลให้สภาพอากาศที่ผิดปกติทั่วโลกยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น โดยประเทศในซีกโลกเหนือต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ทั้งนี้ อุณหภูมิที่บันทึกได้เมื่อปี 2563 นั้น ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลหรือเทียบเท่ากับปี 2559 ขณะเดียวกัน อุณหภูมิเฉลี่ยของทั่วโลกในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 0.78 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับอุณหภูมิเฉลี่ยของศตวรรษที่ 20
หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า อุณหภูมิทั่วโลกจะสูงขึ้น 3 องศาเซลเชียสในช่วงสิ้นสุดศตวรรษที่ 21 เมื่อเทียบกับระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ถึงแม้ผู้นำของหลายประเทศได้ให้คำมั่นว่า จะลดระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนแล้วก็ตาม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ค. 64)
Tags: Copernicus, Global Warming, ภาวะโลกร้อน, สหรัฐ, สิ่งแวดล้อม, อเมริกาเหนือ