หุ้น MAJOR ราคาร่วงลง 6.14% มาอยู่ที่ 23.70 บาท ลดลง 1.55 บาท มูลค่าซื้อขาย 37.55 ล้านบาท เมื่อเวลา 9.56 น. โดยเปิดตลาดที่ 23.60 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 23.70 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 23.60 บาท
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ฯ”ขายทำกำไร”หุ้น บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) จากที่การขายหุ้น บมจ.สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ (SF) ออกไป จะทำให้ส่วนแบ่งกำไรจาก SF หายไปราวไตรมาสละ 100 ล้านบาท แต่ได้กระแสเงินสดเข้ามาหล่อเลี้ยงกิจการในช่วงที่ไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ รวมถึงช่วยลดภาระดอกเบี้ย ประเมินว่า ดีลนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าแก่ MAJOR ราว 5 บาท และช่วยพลิกให้ MAJOR กลับมามีกำไรได้ในไตรมาส 3/64 และทำให้ทั้งปี 64 สามารถมีกำไรได้ ขณะที่ราคาปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นมาสะท้อนมูลค่าพื้นฐานของ MAJOR ที่รวมดีลนี้ ที่ 25 บาท แล้ว
เนื่องจาก MAJOR มีราคาต้นทุนเฉลี่ย SF ที่ 6.88 บาทต่อหุ้น การขายหุ้น SF ทั้งหมด จะทำให้ MAJOR รับรู้กำไรราวหลังหักภาษีราว 2,824 ล้านบาท (รวมหักกลบเครดิตภาษีจากขาดทุนที่เกิดขึ้นในช่วงผ่านมาด้วย) คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.16 บาท ขณะที่คาดว่า MAJOR จะได้รับเงินสดสุทธิหลังหักภาษีราว 6.6 พันล้านบาท เข้ามาช่วยภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และใช้คืนเงินกู้ยืมจากธนาคารได้บางส่วน
โดย ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/64 MAJOR มีเงินกู้ยืมจากธนาคารราว 5.4 พันล้านบาท ทั้งนี้แม้ปัจจุบัน MAJOR จะมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ทั้งต่างประเทศและไทยเตรียมเข้าฉายจำนวนมาก แต่โควิดระลอก 3 ที่ระบาดหนักในประเทศไทย สูงราววันละ 6 พันคน แม้จะมีการเร่งฉีดวัคซีนต้านโควิดให้แก่ประชาชน แต่ยังถือว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้ว มีสัดส่วนที่ยังน้อยอยู่เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรไทย จึงยังไม่มีความชัดเจนว่า MAJOR จะกลับมาฉายภาพยนตร์ได้ภายในปีนี้หรือไม่ และหากเริ่มเปิดให้บริการ ประชาชนยังต้องใช้เวลาในการสร้างความเชื่อมั่นในการชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ได้ปกติ
เมื่อวานนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของ MAJOR มีมติอนุมัติการเข้าทำรบันทึกข้อตกลงขายหุ้น SF (Siam Future) ที่ถือทั้งหมด 647,158,471 หุ้น หรือคิดเป็น 30.36% ให้ CPN ในราคาหุ้นละ 12 บาท รวมเป็นเงิน 7,765.9 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ค. 64)
Tags: MAJOR, SF, สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์, หุ้นไทย, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์