หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ อิงบวกเล็กน้อย เล็งกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯขึ้นนำ

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ อิงบวกเล็กน้อย เล็งแรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี ขึ้นนำตลาดฯ หลังที่ประชุมกลุ่มโอเปกพลัสไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมัน-ตัดสินใจเลื่อนประชุมไม่มีกำหนด ส่งอุปทานตึงตัวต่อไป และราคาน้ำมัน Brent ขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวกส่วนใหญ่ พร้อมให้ติดตามการประชุมครม.วันนี้ รอดูการเยียวยาผู้ประกอบการร้านอาหาร-รับเหมาก่อสร้าง รวมถึงอนุมัติวัคซีนทางเลือกด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,565 แนวต้าน 1,596-1,600 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ อิงบวกเล็กน้อย เล็งแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี ขึ้นนำตลาด หลังจากที่ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมัน พร้อมตัดสินใจเลื่อนการประชุมออกไปโดยไม่มีกำหนด ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดสหรัฐฯได้ปิดทำการทำให้ไม่มีการซื้อขายน้ำมันด้วย แต่หากมองไปที่ราคาน้ำมัน Brent ได้ปรับขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี ซึ่งอุปทานน้ำมันคงจะตึงตัวต่อไป

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวกกัน ยกเว้นตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นฮ่องกง จะติดลบ พร้อมให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ จะมีการเยียวยาผู้ประกอบการ้านอาหาร และรับเหมาก่อสร้าง อย่างไร รวมถึงจะมีเรื่องอนุมัติวัคซีนทางเลือกด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,565 จุด ส่วนแนวต้าน 1,596-1,600 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการล่าสุด (5 ก.ค.) เนื่องในวันชาติสหรัฐ
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.19 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 79.76 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 6.87 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ก.ค.) 1,579.28 จุด เพิ่มขึ้น 0.79 จุด (+0.05%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 180.17 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ก.ค.64
  • ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ก.ค.) ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติสหรัฐ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ก.ค.) อยู่ที่ 3.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.14 แนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องจากโควิดกดดัน มอบกรอบวันนี้ 32.10-32.20
  • สนค.เผยเงินเฟ้อ มิ.ย.สูงขึ้นในอัตราชะลอตัว อยู่ที่ 1.25% คาดครึ่งปีหลังขยับสูงขึ้น ยันคงเป้า 0.7-1.7% พร้อมเปิดผลสำรวจค่าใช้จ่าย มิ.ย.64 ประชาชนอ่วมควักจ่ายค่าเดินทางมากสุด 3,901 บาท รองลงมาคือ ค่าเช่า ไฟฟ้า น้ำ เฉลี่ย 3,703 บาท ชี้ทั่วโลกนิยมลดค่าไฟ น้ำ คุมเงินเฟ้อ
  • จับตานายกฯ ตั้ง กก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือ-อีสาน หวังแก้ข้อครหาทุจริตฮั้วประมูลเอื้อผู้รับเหมา ทำรถไฟเสียโอกาส หลังพบข้อพิรุธ ทีโออาร์ระบุให้ยื่นอาณัติสัญญาณ 2 ยี่ห้อ ด้านสหภาพรถไฟฯ แจงข้อสงสัยต่อคณะกรรมการ หวังรักษาผลประโยชน์ของประเทศ
  • FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนลดลงจากสถานการณ์โควิดยืดเยื้อ ด้านสมาคมนักวิเคราะห์ชี้เศรษฐกิจโลกฟื้นและวัคซีนหนุนการลงทุนหุ้นครึ่งปีหลัง คาดดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีอยู่ที่ 1,647 จุด
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินธุรกิจร้านอาหารหลังจากภาครัฐมีมาตรการห้ามนั่งทานอาหารในร้าน 30 วัน ครอบคลุมกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารอย่างมาก คาดว่ามูลค่าธุรกิจนี้จะเสียหาย 55,000-70,000 ล้านบาท เหลือเพียง 3.35-3.5 แสนล้านบาทในปี 64 แม้ 1-2 ปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการร้านอาหารจะพยายามปรับตัวอย่างสุดความสามารถ และภาครัฐได้มีการออกนโยบายช่วยเหลือเบื้องต้น แต่ผลกระทบต่อเนื่องที่สะสมได้สร้างความบอบช้าอย่างมาก และยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ภาครัฐอาจมีความจำเป็นต้องควบคุมการระบาดเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า ผู้ประกอบการที่พักแรมยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราการเข้าพักจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับต่ำมาก โดยเฉพาะภูมิภาคที่พึ่งพาการท่องเที่ยวสูง และส่วนใหญ่ยังมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจได้ไม่ถึง 3 เดือน ทั้งนี้ จากการสำรวจโรงแรม 200 แห่ง พบโรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราว ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมในภาคใต้ที่ปิดกิจการมาแล้วมากกว่า 1 ปี โดย 75% คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการอีกครั้งหลังไตรมาส 4 ปี 64 เป็นต้นไป

หุ้นเด่นวันนี้

  • BDMS (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 26 บาท ราคาหุ้นยัง Laggard จากกลุ่ม โดย YTD ราคาหุ้น BDMS เพิ่มขึ้นเพียง 14% ขณะที่ BCH และ CHG เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 70% ผลประกอบการจะทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ Q2/64 และพุ่งแรงใน Q3/64 จาก High Season และยังมี Upside จาก Theme เปิดเมือง
  • PTTEP (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 158 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/64 +23 Q-Q, +228% Y-Y หนุนจากทั้งปริมาณและราคาขายที่ปรับขึ้น โมเมนตัมครึ่งปีหลังยังดีโดยระยะสั้น Q3/64 จะอ่อนตัวเนื่องจากการปิดซ่อมบำรุง แต่จะกลับมาฟื้นตัวใน Q4/64 โดยปรับกำไรปี 64 ขึ้นเป็น +89% Y-Y จากสมมติฐานราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นราว 24%
  • SCGP (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 68 บาท เดินหน้าทำ M&A ต่อเนื่อง ล่าสุดเข้าซื้อ Deltalab ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุอุปกรณ์การแพทย์ที่สเปน ซึ่งสินค้าโดยเฉลี่ยมีมาร์จิ้นสูง ด้านอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์เป็นกลุ่มที่เติบโตสูง ราคาหุ้นมีความแข็งแกร่งและสามารถทนต่อตลาดที่มีความผันผวน เหมาะที่จะเป็นหุ้น Core พอร์ต พร้อมประเมินกำไรปี 64-65 ที่ 7.9 พันลบ. และ 1 หมื่นลบ. +23%YoY, +26%YoY ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ค. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top