แม้ว่าหุ้นของ บมจ.ซีลิค คอร์พ (SELIC) จะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นจำนวนไม่น้อย สะท้อนจากราคาหุ้น SELIC เด้งขึ้นมากกว่า 100% นับแต่ต้นปีที่ผ่านมา เป็นผลเชิงบวกตามความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางผลประกอบการไตรมาส 1/64 สามารถเติบโตโดดเด่นทุบสถิติสูงสุดรายไตรมาส ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังคงมองเห็นสัญญาณของการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับนำนวัตกรรมต่อยอดขยายผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเพื่อสร้าง New S-curve เป็นการเติบโตครั้งใหม่ให้กับบริษัทในอนาคตอันใกล้นี้
สวนกระแส ลุ้นงบไตรมาส2/64 โตต่อเนื่อง
นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ SELIC เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า การเติบโตของธุรกิจในปี 64 ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาฟื้นตัวของลุกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์ สินค้าอิเล็คทรอนิกส์ และเฟอร์นิเจอร์ หลังจากที่มีการเปิดเศรษฐกิจในหลายๆประเทศกลับมา จากการเร่งฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในประเทศขนาดใหญ่อย่างสหรัฐฯและยุโรป ทำให้มีความต้องการใช้วัสดุและสินค้าและต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มกาวอุตสาหกรรมที่มีความต้องการมาก และเริ่มเห็นสัญญาณความต้องการใช้สติ๊กเกอร์ที่เพิ่มขึ้นกลับมา
สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/64 ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น จากการกลับมาเปิดเมืองในต่างประเทศ ทำให้แนวโน้มยอดขายจากต่างประเทศปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนช่วงไตรมาส 2/64 และครึ่งปีหลังคาดว่าผลการดำเนินงานจะยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดโควิด-19 มาต่อเนื่อง แต่มองว่าสถานการณ์ในปีนี้ดีขึ้นกว่าปีก่อนมาก หลังจากที่คนเริ่มปรับตัวได้มากขึ้น และมีวัคซีนเข้ามาช่วยป้องกัน
เล็งผุดผลิตภัณฑ์ “นวัตกรรม” มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 5-15%
สำหรับราคาต้นทุนวัตถุดิบมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น และปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนการขนส่งที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทจะต้องมีการบริหารจัดการซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้ต้นทุนของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทผลิตอยู่ในระดับที่เหมาะสมและยังมีมาร์จิ้นที่ดี ซึ่งจะทำให้บริษัทยังมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีได้ต่อเนื่อง และในปี 64 บริษัทยังมั่นใจรายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้เติบโต 5-15% และแนวโน้มของกำไรสุทธิมีโอกาสเติบโตมากกว่าปี 63
บริษัทยังให้ความสำคัญยังคงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อนำเสนอโซลูชั่นใหม่ๆให้กับลูกค้า และเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัท ทำให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับการเจาะตลาดเพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และงานไม้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งอุตสาหกรรมที่บริษัทมองเห็นโอกาสจากการขยายตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และงานไม้ หลังจากที่คนทำงานที่บ้านมากขึ้น ทำให้มีการซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งเข้ามาในบ้านมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้เป็นอีกหนึ่งกลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาเสริมยอดขาย
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆที่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่ม โดยผลิตภัณฑ์แรกที่จะออกมาทดลองตลาดจะเป็นสารที่ใช้ห่อหุ้มส่วนผสม (Encapsulation) เพื่อรองรับในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมยา ซึ่งได้เตรียมการนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ของลูกค้ารายหนึ่ง ซึ่งจะมีการจำหน่ายในเร็วนี้ๆ
“เครือสหพัฒน์” ร่วมถือหุ้นเพิ่มทุน ต่อยอดแผนเพิ่มมูลค่ากิจการ
ส่วนการเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ราคาเสนอขายหุ้นละ 3 บาทต่อหุ้น จำนวน 28,000,000 หุ้น จัดสรรให้พันธมิตรที่เข้ามา 3 ราย ได้แก่ บมจ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง (SPI) บริษัท บีเอสซี โซ อิน จำกัด และบริษัท บี ที เอ็น สิบสองศูนย์เจ็ด จำกัด ถือเป็นการสร้างโอกาสในการต่อยอดการเติบโตให้กับธุรกิจ ทำให้บริษัทมีเงินทุนที่แข็งแกร่งมากขึ้น และมีเงินลงทุนรองรับในการลงทุนขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต อีกทั้งได้มีพันธมิตรเข้ามาเสริมให้กับธุรกิจ ซึ่งจะเป็นคู่ค้ากับบริษัทในระยะยาว โดยเฉพาะ SPI ที่มีกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภคในเครือจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจอีกมาก
เข้าทำเนียบหุ้นยั่งยืนดึงดูดผู้ลงทุนสถาบัน
นางสาวยุวดี กล่าวอีกว่า การที่บริษัทได้รับคัดเลือกให้เข้าอยู่ในทำเนียบบริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน (ESG Emerging List) และเป็นหลักทรัพย์ใน Universe ของกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี 2564 จากสถาบันไทยพัฒน์ในช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของบริษัทที่มีธรรมาภืบาลที่ดี และมีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกกลุ่ม และมองว่าการได้รับคัดเลือกเข้าไปอยุ่ใน ESG Emerging List ในครั้งนี้ จะสามารถดึงดูดนักลงทุนสถาบันให้เข้ามาสนใจลงทุนในบริษัทได้มากขึ้นในอนาคต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ค. 64)
Tags: INTERVIEW, Selic, ซีลิค คอร์พ, ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ, ยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์, สัมภาษณ์พิเศษ, หุ้นไทย, เครือสหพัฒน์