นางแกลดิส เบรีจิเกลียน ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียเปิดเผยว่า วันที่ 6-7 ก.ค. จะเป็นช่วงที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพิจารณาขยายระยะเวลาของมาตรการล็อกดาวน์ในเมืองซิดนีย์เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเดิมจะสิ้นสุดลงในวันที่ 9 ก.ค.นี้ โดยการพิจารณาต่ออายุมาตรการดังกล่าวนั้น เป็นผลมาจากยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นจากการที่สายพันธุ์เดลตาแพร่ระบาด
นางเบรีจิเกลียนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “เราคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้อยู่ระหว่างการกักตัวจะเพิ่มขึ้น แต่ข้อมูลที่เราให้ความสนใจเป็นหลักคือ ตัวเลขผู้ที่ยังอยู่ในชุมชนระหว่างระยะแพร่เชื้อ รวมถึงผลกระทบที่จะตามมาในช่วงไม่กี่วันข้างหน้านี้”
“ช่วงเวลาอีก 2-3 วันข้างหน้าถือเป็นช่วงชี้ชะตา” นางเบรีจิเกลียนกล่าว
แม้ว่าประชาชนผู้อาศัยในเมืองซิดนีย์กว่า 5 ล้านคนจะถูกจำกัดให้อยู่แต่ในบริเวณบ้านพักอาศัย แต่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมจากการแพร่ระบาดครั้งล่าสุดนั้นมีมากกว่า 300 รายแล้ว โดยรัฐนิวเซาท์เวลส์เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่ 35 รายในวันนี้ ซึ่งเท่ากับสถิติยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรายวันสูงที่สุดของปี 2564 ที่มีการรายงานเมื่อ 2 วันก่อน
ในจำนวนผู้ติดเชื้อ 35 รายในวันนี้ มี 28 รายที่กักตัวเป็นบางส่วนหรือตลอดระยะแพร่เชื้อ ในขณะที่ 7 รายยังอยู่ในชุมชนระหว่างระยะแพร่เชื้อ
นางเบรีจิเกลียนระบุว่า ที่ผ่านมา มาตรการล็อกดาวน์ช่วยให้สามารถจำกัดจำนวนผู้ติดเชื้อให้อยู่เพียงหลักสิบ แทนที่จะเป็นหลักร้อย อย่างไรก็ดี ยังมีประชาชนบางส่วนที่ฝ่าฝืนข้อบังคับ ซึ่งทำให้เชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ เมืองซิดนีย์เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งใหม่ในออสเตรเลีย และขณะนี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการควบคุมสายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน เมืองเพิร์ธ, เมืองบริสเบน และเมืองดาร์วินต่างก็ประกาศยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ฉับพลันแล้วเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหน่วยงานบริหารท้องถิ่นของทั้ง 3 เมืองมองว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตาได้ดีเพียงพอ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ค. 64)
Tags: COVID-19, ซิดนีย์, รัฐนิวเซาท์เวลส์, ล็อกดาวน์, ออสเตรเลีย, แกลดิส เบรีจิเกลียน, โควิด-19, โควิดสายพันธุ์เดลตา