นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังนำกลุ่มตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจสถานออกกำลังกายและฟิตเนส และนักกีฬาทีมชาติ ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้เร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจออกกำลังกาย หลัง ศบค.มีคำสั่งปิดมานานกว่า 200 วัน ว่ากลุ่มธุรกิจสถานออกกำลังกาย ฟิตเนส และสถานฝึกซ้อมกีฬา เป็นกลุ่มที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในช่วงวิกฤตโควิด-19 เป็นอย่างดี โดยเป็นธุรกิจแรกๆ ที่ต้องปิดกิจการตามมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่กลับเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะเปิดให้บริการตามปกติได้ ทำให้ธุรกิจที่กำลังจะฟื้นตัวต้องล้มลงอีกครั้ง
ผู้ประกอบการขาดสภาพคล่องทางการเงิน พนักงานขาดรายได้เลี้ยงชีพ หลายส่วนต้องตกงาน ความเดือดร้อนครั้งนี้ยังส่งผลกระทบไปถึงกลุ่มนักกีฬาทีมชาติไทยประเภทต่างๆ ด้วย เพราะเมื่อสถานฝึกซ้อมกีฬา อย่างการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ถูกสั่งปิดด้วย ทำให้นักกีฬาขาดสถานที่พัฒนาตนเอง อาจส่งผลร้ายต่อการแข่งขันกีฬาในนามของประเทศได้ อีกทั้งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้นได้ด้วย
“พรรคฯ เข้าใจดีถึงความเดือดร้อนดังกล่าว และเห็นใจประชาชนทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้ จึงเดินหน้าประสานงานกับนายกรัฐมนตรีและ ศบค.ให้ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบอาชีพธุรกิจการออกกำลังกายฯ ได้มีโอกาสยื่นจดหมายเปิดผนึกข้อเรียกร้องถึงภาครัฐ เพื่อปลดล็อกกิจการ รวมทั้งร่วมหารือถึงแนวทางที่เป็นไปได้เพื่อให้ภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาที่เหมาะสม”
นายปริญญ์ กล่าว
นายปริญญ์ กล่าวว่า ได้รับการยืนยันจาก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) แล้วว่าจะนำข้อเรียกร้องดังกล่าวไปหารือและพิจารณาในที่ประชุมของ ศบค.ว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง พร้อมกับจะให้ความสำคัญในการเร่งการพิจารณาให้ กกท.สามารถเปิดพื้นที่ให้นักกีฬาทีมชาติเข้าฝึกซ้อม
ขณะที่ นายธันย์ปวัฒน์ เตชภูวดลวิทิต ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบอาชีพธุรกิจการออกกำลังกายฯ กล่าวว่า คำสั่งปิดกิจการส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบอาชีพธุรกิจสถานออกกำลังกาย รวมถึงผู้เกี่ยวข้องในวงการทั้งระบบ แต่ยังลงลึกไปถึงอาชีพ รปภ. แม่บ้าน และคนทำอุปกรณ์ออกกำลังกายด้วย ซึ่งบางส่วนเป็นกลุ่มอิสระที่รับค่าจ้างรายวันมานานกว่า 200 วันแล้ว
“วันนี้ทุกคนกำลังจะแย่ เพราะไม่มีเงินแต่มีครอบครัวที่ต้องดูแล ทำให้ผู้ประกอบการต้องรับภาระทุกอย่าง อีกทั้งยังมีเทรนเนอร์ หรือแม้แต่นักกีฬาทีมชาติที่ไม่มีสถานที่ฝึกซ้อมก็ได้รับผลกระทบกันไปหมด แล้วจะทำชื่อเสียงให้กับประเทศได้อย่างไร”
นายธันย์ปวัฒน์ กล่าว
โดยขอให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือ ดังนี้
- ยกเลิกคำสั่งปิดกิจการแบบเหมารวม เพราะที่ผ่านมาพบว่ามีคนติดเชื้อโควิดจากสถานออกกำลังกายน้อยมาก และสถานออกกำลังกายถือเป็นจุดสำคัญที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำให้คนสุขภาพดีขึ้น ควรให้ปิดเฉพาะสถานประกอบการที่พบผู้ติดเชื้อหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยงเป็นเวลา 14 วัน และหากสถานประกอบการใดที่พบผู้ติดเชื้อก็ต้องมีการทำความสะอาดสถานที่ตามมาตรฐานของกรมอนามัยและกรมควบคุมโรค
- ขอให้มีคำสั่งปลดล็อกให้ธุรกิจสถานออกกำลังกายแสะฟิตเนสสามารถกลับมาเปิดบริการได้ภายในวันที่ 1 ส.ค.64 ภายใต้มาตรการป้องกันโรคตามแนวทางกระทรวงสาธารณสุข เช่น การเว้นระยะ การจำกัดจำนวนคน และความสะอาด เป็นต้น
- พิจารณาจัดสรรวัคซีนให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยเร็วที่สุด ซึ่งภาครัฐสามารถถือเอาโอกาสนี้เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจนี้ เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามข้อมูลข่าวสารและการประชาสัมพันธ์ต่างๆ ในอนาคต
- พิจารณาให้มีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องการพักชำระหนี้/การกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อรักษาสภาพคล่องธุรกิจและการจ้างพนักงานจากการปิดธุรกิจชั่วคราว รวมถึงส่วนลดหรือเลื่อนชำระค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปา ตลอดจนลดหย่อนภาษีรายได้ส่วนบุคคลของผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับสถานออกกำลังกายและฟิตเนส
- เปิดช่องทางการสื่อสาร เพื่อรับฟังความคิดเห็นและความต้องการประชาชนที่เดือดร้อน เพื่อให้ทราบถึงมุมมอง ผลกระทบ ความยากลำบากของผู้ประกอบอาชีพในกลุ่มต่างๆ ก่อนที่ภาครัฐจะออกมาตรการ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ค. 64)
Tags: ธันย์ปวัฒน์ เตชภูวดลวิทิต, ธุรกิจออกกำลังกาย, นักกีฬาทีมชาติ, ปริญญ์ พานิชภักดิ์, ผู้ประกอบการ, พรรคประชาธิปัตย์, ฟิตเนส, ศบค., เสกสกล อัตถาวงศ์