รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย รายงานว่า จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ลดลงในวันนี้ หลังจากการติดเชื้อพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 2 วัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ขอร้องให้ชาวซิดนีย์ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดเพื่อให้สามารถยุติการล็อกดาวน์ได้ในสัปดาห์หน้า
รัฐนิวเซาท์เวลส์ซึ่งมีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 16 รายในวันเสาร์ โดยลดลงจากผู้ป่วยรายใหม่ 35 รายในวันศุกร์ ซึ่งเป็นจำนวนผู้ป่วยรายวันสูงสุดในปี 2564 สำหรับรัฐดังกล่าว ส่วนในวันพฤหัสบดีพบผู้ป่วย 31 ราย
อนึ่ง ออสเตรเลียถือเป็นประเทศที่สามารถจัดการกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด การติดตามผู้ติดต่ออย่างรวดเร็ว และกฎการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวด
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนทั่วประเทศที่ล่าช้า และส่งผลให้เมืองหลวงของรัฐ 3 เมืองเข้าสู่การล็อกดาวน์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านนครซิดนีย์ เมืองหลวงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตา โดยขณะนี้มีการล็อกดาวน์มาแล้ว 1 สัปดาห์
ขณะที่เมืองเพิร์ท เมืองหลวงของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย สิ้นสุดการล็อกดาวน์เมื่อคืนวันศุกร์ แต่ข้อจำกัดจะยังคงมีผลอยู่จนถึงวันอังคาร ด้านเมืองเมลเบิร์น เมืองหลวงของรัฐวิกตอเรีย ไร้ยอดผู้ป่วยใหม่มาแล้ว 1 สัปดาห์ หลังจากที่ประกาศล็อกดาวน์นาน 3 สัปดาห์ในเดือนมิถุนายน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ค. 64)
Tags: COVID-19, ซิดนีย์, นิวเซาท์เวลส์, ออสเตรเลีย, โควิด-19