นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเปิดเผยว่า ออสเตรเลียจะลดจำนวนผู้มาเยือนจากต่างประเทศลดลงครึ่งหนึ่ง หลังระบบกักตัวที่โรงแรมกำลังเผชิญภาระหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่แพร่ระบาดได้ง่าย
ข้อจำกัดใหม่ในการเดินทางมีขึ้นในขณะที่ออสเตรเลียรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาพร้อมกันในเมืองหลวงของรัฐ 3 แห่ง ซึ่งหมายถึงว่าชาวออสเตรเลียเกือบครึ่งหนึ่งอยู่ภายใต้ข้อกำหนดให้อยู่ในบ้านพักอาศัย ส่วนการแพร่ระบาดล่าสุดนั้นสืบย้อนต้นตอไปได้ถึงโรงแรมที่กักตัว
ออสเตรเลียปิดพรมแดนระหว่างประเทศเมื่อต้นปี 2563 โดยข้อจำกัดส่วนใหญ่บังคับใช้กับผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองออสเตรเลีย ส่วนผู้พักอาศัยถาวรและชาวออสเตรเลียที่เดินทางกลับประเทศ ยกเว้นผู้ที่เดินทางมาจากนิวซีแลนด์ ต้องกักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 2 สัปดาห์โดยออกค่าใช้จ่ายเอง
นายมอร์ริสันกล่าวว่า ปัจจุบันออสเตรเลียรองรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพียงประมาณ 3,000 คนต่อสัปดาห์ และจะมีการตัดสินชัดเจนเรื่องการปรับลดข้อจำกัดในวันที่ 14 ก.ค. แม้ว่าในบางรัฐอาจมีการประกาศเร็วกว่านั้น
นอกจากนี้ นายมอร์ริสันยังกล่าวหลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยว่า ได้มีการอนุมัติแผน 4 เฟสเพื่อเปิดพรมแดนออสเตรเลียอีกครั้งหลังการล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดรอบล่าสุด โดยขึ้นอยู่กับระดับการฉีดวัคซีนเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 จนถึงขั้นที่สามารถจัดการได้เหมือนโรคระบาดอื่นๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่
“เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนจากช่วงก่อนฉีดวัคซีนเป็นช่วงหลังฉีดวัคซีน เราก็ต้องเปลี่ยนแนวคิดในการควบคุมโรคโควิด-19 นั่นคือข้อตกลงสำหรับชาวออสเตรเลีย”
นายมอร์ริสัน กล่าว
นายมอร์ริสันระบุว่า แผน 4 เฟสจะทำให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้วมีอิสระมากขึ้น รวมถึงลดเวลากักตัวหลังจากเดินทางมาจากต่างประเทศด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ค. 64)
Tags: COVID-19, กักตัว, ฉีดวัคซีน, ปิดพรมแดน, ล็อกดาวน์, วัคซีนต้านโควิด-19, สกอตต์ มอร์ริสัน, ออสเตรเลีย, เดินทางเข้าประเทศ, โควิด-19, โควิดสายพันธุ์เดลตา