นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โคลเวอร์ เพาเวอร์ (CV) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 320 ล้านหุ้น หลังจากยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว และมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET)
บริษัทจะนำเงินจากการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้น IPO ไปใช้ขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในโครงการใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัทมีเป้าหมายจะเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนผ่านการพัฒนาโครงการ เข้าร่วมลงทุน และซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยตั้งเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตติดตั้งทั้งที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนา รวม 180 เมกะวัตต์ภายในปี 66 จากสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีกำลังการผลิตติดตั้งอยู่ที่ 85 เมกะวัตต์
“การสร้างการเติบโตภายหลังจากการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ การใช้เงินส่วนใหญ่จะไปอยู่ที่การสร้างความมั่นคงและการเติบโต คือการขยายปริมาณเมกะวัตต์ผ่านโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ”
นายเศรษฐศิริ กล่าว
กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อนำพา CV ให้เติบโตไปข้างหน้าวางกรอบไว้ 4 ด้าน ประกอบด้วย
- การสร้างความมั่นคง จากปัจจุบันมีอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นานถึง 16 ปี และมีความสามารถในการผลิตไฟฟ้าโดยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 82%
- การเติบโต โดยโอกาสการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าและงานวิศวกรรมโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ขยะชุมชน และขยะอุตสาหกรรม ยังมีต่อเนื่อง จากเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ตามแผน AEDP ในปี 2561-2580 จะมีพลังงานฯ เข้าสู่ระบบอีก 29,000 เมกะวัตต์ ซึ่งในส่วนนี้ CV มีความเชี่ยวชาญ คิดเป็นสัดส่วนราว 6,000 เมกะวัตต์
- การต่อยอด เนื่องจาก CV เติบโตมาจากธุรกิจด้านวิศวกรรม ทั้งออกแบบและสร้างโรงไฟฟ้า รวมถึงการซ่อมบำรุงรักษา ซึ่งถือว่าเป็นทุนในการต่อยอดไปพัฒนาธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการผลิตไฟฟ้า
- ยั่งยืน ผ่านการพัฒนาใน 3 ด้าน ได้แก่ คน ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคคลากรและทีมงาน, สังคม ให้ความสำคัญกับชุมชน และสังคมรอบข้าง และสิ่งแวดล้อม
สำหรับธุรกิจของ CV แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า (Power Producer) โดยมุ่งเน้นพัฒนาและกระจายการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีจากพลังงานหมุนเวียนหลากหลายประเภท โดยมีโครงการที่ COD แล้ว 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 26.2 เมกะวัตต์ (ปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายตามสัดส่วนการถือหุ้น 16.69 เมกะวัตต์) แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าชีวมวล 3 โครงการ และโรงไฟฟ้าขยะ 1 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าชีวมวล CV อ.วังชิ้น จ.แพร่ กำลังผลิตติดตั้ง 9.4 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้า CPL อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก กำลังการผลิตติดตั้ง 4.9 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าชีวมวล RTB อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และ โรงไฟฟ้าขยะ CPX อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร กำลังการผลิตติดตั้ง 2 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังมีโครงการโรงคัดแยกและแปรรูปขยะมูลฝอยเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงขยะ (RDF) ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 150 ตัน/วัน และ โรงไฟฟ้าแบบพลังงานความร้อนร่วมใช้ก๊าชธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าซื้อกิจการ 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 7.36 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในต่างประเทศ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 40 เมกะวัตต์
2.ธุรกิจด้านงานวิศวกรรม (Valued EPC) มุ่งเน้นงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ขยะ และ ชีวภาพ รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวเนื่องด้านพลังงาน และโครงการเกี่ยวเนื่อง ตั้งแต่การออกแบบ จัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ และก่อสร้าง (EPC) แบบครบวงจร ให้แก่ โรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทและลูกค้าทั่วไปมากกว่า 14 โครงการ โดยดำเนินกิจการภายใต้ บริษัท ศแบง คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท ศแบง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CV ถือหุ้น 100%
3.ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Supporting) ให้บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) ให้แก่ลูกค้าโรงไฟฟ้าทั่วไป พร้อมมุ่งเน้นให้บริการเดินเครื่องและบำรุงโรงไฟฟ้ากลุ่มพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน โดยดำเนินกิจการภายใต้ SBE ทั้งนี้บริษัทฯ มีทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการปฎิบัติงานเดินเครื่องและบำรุงรักษาที่พร้อมให้บริการอย่างครบวงจร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ค. 64)
Tags: CV, IPO, SET, ตลาดหลักทรัพย์, พลังงาน, หุ้นไทย, เศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล, โคลเวอร์ เพาเวอร์, โรงไฟฟ้า, ไฟลิ่ง