นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผย FTI Poll ครั้งที่ 7 ในเดือน มิ.ย.64 ในหัวข้อ “120 วัน เตรียมความพร้อมเปิดประเทศ” ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 201 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 75 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด
พบว่าผู้บริหาร ส.อ.ท.ส่วนใหญ่ มองว่า การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติควรพิจารณาจากความพร้อมและสถานการณ์ในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นสำคัญ โดยต้องจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพและจำนวนเพียงพอ รวมถึงการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เป็นปัจจัยสำคัญที่ภาครัฐต้องดำเนินการให้พร้อมก่อนการเปิดประเทศ
ผู้บริหาร ส.อ.ท.ส่วนใหญ่ 56.7% มองว่าการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ควรเปิดเมื่อสถานการณ์มีความพร้อม โดยที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ และมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รองลงมา 31.3% เห็นด้วยกับเป้าหมายในการเปิดประเทศภายใน 120 วัน และ 9.5% มองว่ายังไม่ควรเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะ 3-4 เดือนนี้ แต่มี 2.5% ที่ต้องการให้เร่งเปิดประเทศเร็วกว่าเป้าหมาย
ส่วนปัจจัยสำคัญที่ภาครัฐจะต้องเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดประเทศ 3 อันดับแรก ผู้บริหาร ส.อ.ท.ส่วนใหญ่ 93% ให้ความสำคัญกับการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ จำนวนเพียงพอ และการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ รองลงมา 74.6% เป็นการกำหนดแผนงานที่ชัดเจน มีระบบการประเมินสถานการณ์ และการสื่อสารที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง และ 72.6% การเตรียมการในส่วนของมาตรการคัดกรองนักท่องเที่ยว เช่น วัคซีนพาสปอร์ต, Vaccine certificate, Health insurance, ใบรับรองแพทย์ Fit To Fly เป็นต้น
รูปแบบการเปิดประเทศที่ผู้บริหาร ส.อ.ท.ส่วนใหญ่ 59.2% มองว่าเหมาะสม ได้แก่ การทยอยเปิดเป็นบางพื้นที่ตามความพร้อมของจังหวัด รองลงมา 34.8% เปิดเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว (Sealed Routes) เช่น Phuket Sandbox และ 6% เป็นการเปิดพร้อมกันทั่วประเทศ
สำหรับมาตรการกำกับดูแลที่ภาครัฐควรดำเนินการหลังเปิดประเทศ 3 อันดับแรก ได้แก่ การประเมินศักยภาพพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยว การจำกัดพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยวและการเดินทางข้ามจังหวัด 74.1% รองลงมาการพัฒนาระบบติดตามการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 72.1% และการบริหารงานแบบ One Stop Service รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกดูแลนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ 67.2%
นอกจากนี้ FTI Poll ยังถามไปถึงกรณีที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่หลังจากการเปิดประเทศ ภาครัฐควรเตรียมแผนสำรองในการรับมือไว้อย่างไร 3 อันดับแรก ได้แก่ การเตรียมความพร้อมของศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน สถานที่กักตัวทางเลือก และโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ 83.1% รองลงมา การนำเข้าวัคซีนที่รองรับเชื้อกลายพันธุ์ และเร่งพัฒนาวัคซีนที่ผลิตได้เองภายในประเทศ 71.6% และการบังคับใช้มาตรการควบคุมโรค เช่น ห้ามกิจกรรมที่มีความเสี่ยง มาตรการ lockdown ในบางพื้นที่ การจำกัดพื้นที่ท่องเที่ยว และการห้ามเดินทางข้ามจังหวัด 65.7%
ทั้งนี้ FTI Poll ได้เจาะลึกถึงประเด็นความร่วมมือของภาคเอกชนในการสนับสนุนการเปิดประเทศตามเป้าหมายของภาครัฐ 3 อันดับแรก ได้แก่ การสนับสนุนวัคซีนทางเลือกให้แก่แรงงานในสถานประกอบการ 81.1% รองลงมาการควบคุมดูแลพนักงานในสถานประกอบการอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ 80.6% และการพัฒนาสินค้าโดยให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงการทำมาตรฐานด้านสุขอนามัย เช่น IPHA 51.2%
นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท.ยังได้คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยภายหลังการเปิดประเทศ โดยส่วนใหญ่ มองว่า เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป 81.6% รองลงมา เห็นว่าจะชะลอตัวต่อเนื่องจากแรงกดดันจากผลกระทบของโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจโลก 14.4% และสุดท้าย 4% คาดว่าจะฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อนโควิด-19
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 64)
Tags: FTI Poll, กลุ่มอุตสาหกรรม, นักท่องเที่ยวต่างชาติ, วิรัตน์ เอื้อนฤมิต, ส.อ.ท., สภาอุตสาหกรรมจังหวัด, อุตสาหกรรม, เปิดประเทศ