หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มลุ้นขึ้นจากโมเมนตัมบวกหลังกองทุนซื้อ-ลุ้นทำ Window Dressing

นักวิเคราะห์ฯมองตลาดหุ้นไทยเช้านี้ลุ้นขึ้นได้ จากโมเมนตัมบวกหลังกองทุนซื้อ-เทคนิคลุ้นทะลุด่าน 1,596-1,606 หากผ่านได้สัญญาณดีในเดือนก.ค.และยังคาดหวังทำ Window Dressing จากแรงซื้อคืนหุ้นที่ร่วงไปมาก อีกทั้งมองกลุ่มส่งออกยังดีอยู่ อย่างไรก็ดี เชื่อ Fund Flow ยังไม่ไหลเข้าหลังกังวลการกลายพันธุ์ของโควิด จึงหันไปเล่น Event play เก็งหุ้นเล็กตามปัจจัยเฉพาะตัวกันไป ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่บวก พร้อมให้แนวรับ 1,580-1,570 แนวต้าน 1,596-1,606 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ จากโมเมนตัมที่เป็นบวกหลังกองทุนในประเทศกลับมาซื้อ แม้นักลงทุนต่างชาติยังขายอยู่ ซึ่งในทางเทคนิคก็ลุ้นให้ทะลุแนว 1,596 จุดให้ได้ และจะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,606 จุด ถ้าผ่านไปได้ทั้งสองแนวต้าน สัญญาณทางเทคนิคในเดือนหน้า (ก.ค.) จะดี แต่ถ้ายังคงแกว่งอยู่ในกรอบ 1,596-1,606 จุด เดือนหน้าทิศทางตลาดฯก็ยังเป็นแกว่งตัว ซึ่งวันนี้วันสุดท้ายของไตรมาส 2/64 ถ้าปิดสวยเดือนก.ค.ก็จะดี

นอกจากนี้ ยังมีความคาดหวังการทำ Window Dressing จากแรงซื้อคืนในหุ้นที่ได้ปรับตัวลงไปมาก อย่างหุ้นในกลุ่มค้าปลีก, ท่องเที่ยว, โรงแรม และมองว่าหุ้นในกลุ่มส่งออกจะยังดีอยู่ จากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ฟื้นตัวขึ้น

ทั้งนี้ ยังมีความเป็นห่วงการกลายพันธุ์ของโควิด ซึ่งอาเซียนจะดูแย่สุด จึงเชื่อว่า Fund Flow คงจะยังไม่เข้ามาแน่ ดังนั้นจะต้องพึ่งตัวเอง ซึ่งก็อาศัยประเด็นในประเทศแบบ Event play เล่นเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กกันไป พร้อมให้ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการของจีน ซึ่งตลาดคาดว่าจะออกมาอ่อนลง และติดตามการ Rebalance ของ SET50 และ SET100 ซึ่งจะมีผลต่อหุ้น

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกกันเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะประเทศขนาดใหญ่จะปรับตัวขึ้นจาก Fund Flow ที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว พร้อมให้แนวรับ 1,580-1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,596-1,606 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,292.29 จุด เพิ่มขึ้น 9.02 จุด (+0.03%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,291.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.19 จุด (+0.03%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,528.34 จุด เพิ่มขึ้น 27.83 จุด (+0.19%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.56 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 83.70 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 113.8 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 มิ.ย.) 1,591.43 จุด เพิ่มขึ้น 12.26 จุด (+0.78%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 9.57 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 มิ.ย.) ปิด 72.98 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือ 0.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 มิ.ย.) อยู่ที่ 1.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.12 อ่อนค่าต่อเนื่องจากวานนี้จากความกังวลสถานการณ์โควิดในปท.
  • “สุพัฒนพงษ์” รับโจทย์ยากมาตรการหนุนลงทุนอีวี ดันเป้าหมายผลิต ZEV 30% ในปี 73 “ปตท.” เผย 90 วันชัดเจนร่วมมือ “ฟ็อกซ์คอนน์” วางเป้าเฟส 1 ผลิตอีวี 1 แสนคันต่อปี “อีเอ” ลุยรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ คาดเดือนหน้าส่งมอบรถบัสร่วมบริการ สาธารณะ มองเป็นสตาร์ดวงใหม่ของไทย สศอ.แนะเร่งพัฒนา มั่นใจอีวีโตก้าวกระโดด คาด 4 ปี ราคาเท่ารถใช้เครื่องยนต์
  • ธปท.เผย คนไทย ออกไปลงทุนต่างประเทศนิวไฮ 1.78 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมเฉลี่ย 3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี หลังปรับเกณฑ์ดูแลค่าเงิน เล็งออกมาตรการสร้างสมดุลตลาด อัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มไตรมาส 3 ปีนี้
  • นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลามาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านสถาบันการเงินของรัฐทั้ง 7 แห่ง โดยให้ขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปจนถึงสิ้นปี 2564 ตามความสมัครใจ จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 โดยลูกหนี้แต่ละรายที่มีปัญหาสามารถติดต่อทางธนาคารเจ้าหนี้ได้เพื่อทำการปรับโครงสร้างหนี้ได้ ทั้งนี้ สถาบันการเงินของรัฐทั้ง 7 แห่ง ขณะนี้ยังมีวงเงินเป้าหมายสำหรับการช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกรวม 104,000 ล้านบาท
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ที่ให้หยุดงานก่อสร้างอย่างน้อย 30 วัน ใน 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร รวมถึงการขายอาหารหรือเครื่องดื่มที่ให้เปิดเฉพาะนำกลับไปทานที่อื่น โดยให้เริ่มตั้งแต่ 28 มิ.ย.64 ตามมาด้วยการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบต่อลูกจ้างและนายจ้างทั้งในและนอกระบบประกันสังคมรวม 7,500 ล้านบาท คาดผลกระทบมูลค่าธุรกิจก่อสร้างและยอดขายร้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นเวลา 1 เดือน เสียหายไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท หรือ 0.25% ของจีดีพี โดยมาตรการเยียวยาของภาครัฐมีส่วนช่วยบรรเทาผลกระทบในระดับหนึ่งเท่านั้น

หุ้นเด่นวันนี้

  • ICHI (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 17 บาท ดักซื้อก่อนเข้า SET100 พรุ่งนี้ ด้านผลประกอบการคาดกำไรสุทธิ Q2/64 เติบโตทั้ง qoq และ yoy จาก high season, ออกผลิตภัณฑ์ใหม่, รายได้จาก OEM เพิ่มขึ้น
  • TTA (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 18 บาท แนวโน้มกำไร Q2/64 ดีขึ้นทุกธุรกิจเพราะเริ่มเข้า High season บวกกับค่าระวางยังสูงต่อเนื่องและมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อ โดยคาดกำไรปกติ 242 ลบ. +19% Q-Q และพลิกจากขาดทุน 257 ลบ.ใน Q2/63 หากเป็นไปตามคาด กำไรปกติ H1/64 จะคิดเป็น 48% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งอาจมี Upside 10-15% เพราะค่าระวางที่ยังปรับขึ้นไม่หยุด แม้ Upside เริ่มแคบแต่มีลุ้นกำไรดีกว่าคาด
  • ASIAN (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ”เป้า IAA Consensus 18 บาท รับประโยชน์จากแนวโน้มเงินบาทอ่อนค่าต่อเรื่อง ผู้บริหารคาดรายได้ในปี 64 จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9.5 พันล้านบาท เติบโต +10%YoY โดยมีปัจจัยหนุนรายได้จากธุรกิจหลักที่เติบโตทุกส่วน ได้แก่ อาหารสัตว์น้ำ อาหารสัตว์เลี้ยง ปลาทูน่า และอาหารแช่งแข็ง โดยแนวโน้มรายได้และกำไร 2Q64 มีโอกาสเติบโต QoQ, YoY หลังจากต่างประเทศเริ่มกลับมาเปิดเมืองกันมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารสัตว์เลี้ยง ด้าน GPM ของบริษัทจะพยายามรักษาไว้ที่ 14-15% ส่วนงบลงทุนในปี 64 ตั้งไว้ที่ 400 ล้านบาท หลักๆ เป็นการเพิ่มกำลังการผลิตธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและของทอด 300 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเข้ามาในช่วง Q3/64 และรับรู้เต็มไตรมาสใน Q4/64

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top