สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน พ.ค.64 อยู่ที่ระดับ 100.47 ขยายตัว 25.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำในปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19
นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในหลายประเทศ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการผลิตและการบริโภค ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถัง และอากาศยาน) ขยายตัวสูงถึง 63.03%
ขณะที่การผลิตรถยนต์เดือน พ.ค.64 ขยายตัวสูงมากในระดับ 3 หลักต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองจากฐานต่ำปีที่แล้วที่มีการล็อกดาวน์จากการระบาดในระลอกแรกช่วงต้นปี 63
ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิต (CapU) เดือน พ.ค.64 อยู่ที่ 65.38%
ในช่วง 5 เดือนแรกปี 64 (ม.ค.-พ.ค.) ดัชนี MPI ขยายตัวเฉลี่ย 7.97% ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิต เฉลี่ยอยู่ที่ 65.53%
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการ สศอ.กล่าวว่า ภาพรวม 5 เดือนแรกภาคการผลิตไทยเริ่มฟื้นตัวซึ่งสะท้อนจาก MPI ที่อยู่ในระดับ 100.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วง 5 เดือนแรกของปี 63 ที่ MPI อยู่ในระดับ 93.3 เป็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการผลิต และเริ่มกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดการระบาดโควิด โดยช่วง 5 เดือนแรกปี 62 MPI อยู่ในระดับ 106.4
อีกทั้ง ยังพบว่าการผลิตบางกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมมีระดับค่า MPI ในภาพรวม 5 เดือนแรกของปี 64 ปรับตัวสูงกว่าภาพรวม 5 เดือนแรกของปี 62 ซึ่งเป็นปีที่ไม่มีการระบาดโควิด-19 อาทิ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์กระดาษ
นอกจากนี้ การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในช่วง 5 เดือนแรกของปี 64 ขยายตัวเกือบทุกอุตสาหกรรม โดยการผลิตของอุตสาหกรรมหลักที่ขยายตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นผลจากการปิดโรงงานในปีก่อน ในปีนี้การผลิตกลับมาเป็นปกติและส่งออกดีขึ้นจึงส่งผลให้การผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก และส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ยางล้อขยายตัวตามไปด้วย
ด้านอุตสาหกรรมเหล็กขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลกอย่างจีนลดปริมาณการผลิตเพื่อควบคุมปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวตามไลฟ์สไตล์การทำงานที่บ้านและการอาศัยในที่พักมากขึ้น สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางที่เติบโตตามความต้องการใช้งานทางการแพทย์ และเมื่อดูตัวเลขการนำเข้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป(ไม่รวมทองคำ) เพื่อมาผลิตสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในแง่มูลค่าและปริมาณได้ขยายตัวเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้ประกอบการ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าตัวเลข MPI ในเดือนถัดไปจะมีแนวโน้มทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกัน
สำหรับในเดือนพ.ค. 64 อุตสาหกรรมหลักที่มีดัชนีผลผลิตที่ส่งผลบวกขยายตัว ได้แก่
- รถยนต์และเครื่องยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 151.44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากทุกสินค้าโดยเฉพาะรถบรรทุกปิกอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็กและเครื่องยนต์ดีเซล เนื่องจากปีก่อนอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกแรก ซึ่งผู้ผลิตต้องปรับลดการผลิตลงหรือหยุดการผลิตชั่วคราว
- เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 90.25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเครื่องปรับอากาศเป็นหลัก ซึ่งผู้ผลิตได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สามารถประหยัดพลังงานและกรองอากาศจากฝุ่นและเชื้อโรคได้ซึ่งตอบสนองและจูงใจผู้บริโภค รวมทั้งตลาดส่งออกไปยังออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย และเวียดนามที่เติบโตขึ้นอย่างมากหลังประสบปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และเรือขนส่งสินค้าในเดือนก่อน
- แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 35.35% ตามความต้องการของตลาดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของโลกที่มีทิศทางเพิ่มขึ้น จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและมีความต้องการใช้ในหลากหลายผลิตภัณฑ์มากขึ้น
- เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 40.28% จากเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กเส้นข้ออ้อย และเหล็กลวดเป็นหลัก ตามความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เติบโตได้มากขึ้นหลังจากชะลอตัวตามสถานการณ์โควิด-19 จากมาตรการล็อกดาวน์และหยุดผลิตชั่วคราวของผู้ผลิตอุตสาหกรรมปลายน้ำในช่วงปีก่อน
- ยางรถยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 167.86% จากยางนอกรถยนต์นั่ง ยางนอกรถบรรทุกรถโดยสาร และยางนอกรถกระบะ โดยเป็นการขยายตัวเนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องขยายตัวในระดับสูง ประกอบกับฐานต่ำในปีก่อน รวมถึงปีนี้ผู้ผลิตมีการปรับลดราคาสินค้าเพื่อกระตุ้นตลาดด้วย
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อการผลิตเดือน มิ.ย.64 ได้แก่ การขยายตัวของ MPI ในเดือน มิ.ย.64 ยังคงได้รับอานิสงส์จากฐานที่ต่ำในปี 63 ต่อเนื่อง, การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ซึ่งเป็นตัวชี้นำ MPI ปรับตัวดีทั้งในแง่มูลค่าและอัตราการขยายตัวเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกัน สะท้อนทิศทางที่ดีของ MPI ในอนาคต
ขณะเดียวกันต้องติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่มีการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในโรงงงานและสถานประกอบการ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประสานผู้ประกอบการในกำกับให้ทำแบบประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ตามมาตรการ Good Factort Practice (GFP) เพื่อป้องกันการติดเชื้อในโรงงาน และลดความรุนแรงของการระบาด โดยควบคุมไม่ให้แพร่กระจายสู่ชุมชนในวงกว้าง โดยเฉพาะโรงงานที่มีความเสี่ยงสูง และโรงงานที่มีความแออัดในพื้นที่ปฏิบัติงาน
ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาคการผลิตอุตสาหกรรมดีขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนได้จากดัชนี MPI เดือนพ.ค.64 ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย 5 เดือนแรกของปี 64 ขยายตัวเฉลี่ย 7.97% จากทิศทางเศรษฐกิจของโลกที่ดีขึ้น และจากการที่รัฐบาลออกมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อความเชื่อมั่นทั้งในภาคการผลิตและบริโภคในส่วนของภาคการผลิตแม้ว่าที่ผ่านมามีบางโรงงานอุตสาหกรรมต้องหยุดการผลิตชั่วคราวแต่เป็นการหยุดผลิตเฉพาะบางไลน์การผลิตเท่านั้น และเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ทำให้โรงงานสามารถกลับมาเร่งกำลังการผลิตได้เหมือนเดิมเพื่อตอบสนองคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น
ประกอบกับกระทรวงอุตสาหกรรมมีมาตรการขอความร่วมมือให้สถานประกอบการทั่วประเทศกว่า 64,000 แห่งประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ไทย สต็อป โควิด-19 พลัส ทุก 2 สัปดาห์ และให้พนักงานรวมกว่า 3.3 ล้านคน ประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม ไทยเซฟไทย ก่อนเข้าปฏิบัติงานทุกครั้ง
โดยตั้งเป้าให้โรงงานทุกแห่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิ.ย. ประกอบกับมีแผนเร่งจัดตั้งศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีนทั้งในและนอกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและโรงงานขนาดใหญ่ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงแรงงานจะเริ่มฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ คาดว่าภายในเดือนส.ค.นี้จะครอบคลุม 50% ของนิคมฯ ทั้งประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ภาคการผลิตอุตสาหกรรมสามารถดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนื่องและก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ไปได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 มิ.ย. 64)
Tags: MPI, ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม, ทองชัย ชวลิตพิเชฐ, ผลกระทบโควิด-19, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, สศอ., สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, เศรษฐกิจไทย