ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 มิ.ย.) และดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นไนกี้และหุ้นธนาคารหลายแห่ง ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดได้ช่วยคลายความวิตกของบรรดานักลงทุนที่กังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วกว่าคาด
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,433.84 จุด เพิ่มขึ้น 237.02 จุด หรือ +0.69%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,280.70 จุด เพิ่มขึ้น 14.21 จุด หรือ +0.33%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,360.39 จุด ลดลง 9.32 จุด หรือ -0.06%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ บวก 3.4%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 2.7% และดัชนี Nasdaq บวก 2.4% โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในสัปดาห์นี้นับตั้งแต่ต้นเดือนก.พ. และดัชนี Nasdaq ปรับตัวแข็งแกร่งที่สุดในสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนเม.ย.
หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 15.5% แตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ หลังคาดการณ์ยอดขายทั้งปีสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา บวก 1.9% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก้ พุ่งขึ้น 2.7% หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศว่า ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) และจะไม่ถูกจำกัดอีกต่อไปในการที่จะซื้อหุ้นคืนและจ่ายเงินปันผล
หุ้นกลุ่มการเงินในดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.3% และเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในบรรดา 11 กลุ่ม
ข่าวการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานระหว่างวุฒิสภาสหรัฐและประธานาธิบดีโจ ไบเดนเมื่อวันพฤหัสบดี (24 มิ.ย.) ยังคงช่วยหนุนตลาด โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มวัสดุและอุตสาหรรมปรับตัวขึ้นขานรับข่าวดังกล่าว
นอกจากนี้ การเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานที่บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนพ.ค.นั้น ได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ พุ่งขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2535 หรือสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6%
ส่วนดัชนี PCE ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ค. จากระดับ 0.6% ในเดือนเม.ย. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ทั่วไปพุ่งขึ้น 3.9% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2561
หุ้นเวอร์จิ้น กาแลกติก ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยานอวกาศของมหาเศรษฐีริชาร์ด แบรนสัน พุ่งขึ้นเกือบ 40% หลังได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินให้สามารถพาคนเดินทางไปยังอวกาศได้
หุ้นคาร์แมกซ์ พุ่ง 6.7% หลังบริษัทขายรถยนต์มือสองแห่งนี้คาดการณ์รายได้รายไตรมาสสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง เนื่องจากประชาชนเลือกที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวมากกว่าระบบขนส่งสาธารณะท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ ของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ได้แก่ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 85.5 ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าระดับ 82.9 ในเดือนพ.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 86.5
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น 0% ในเดือนพ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคล ลดลง 2% ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า อาจลดลง 2.7%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มิ.ย. 64)
Tags: Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก