นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงเรื่องการเปิดประเทศว่า เป็นเรื่องอีก 120 วันข้างหน้า ระหว่างนี้ต้องเตรียมความพร้อมทุกอย่าง เมื่อมีความพร้อมแล้ว จะมีการประชุมหารือกันอีกครั้ง เพื่อนำเสนอทั้งด้านสาธารณสุข ความมั่นคง เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว หากพิจารณาแล้วยังเปิดไม่ได้ก็คือเปิดไม่ได้ ไม่ใช่ยังไม่ทำอะไรแล้วบอกอย่าไปเปิด ต้องรอไปประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
ขณะนี้การระบาดของโควิด-19 ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.)และปริมณฑล และอีก 2-3 จังหวัด การบริหารจัดการใช้ระบบเขตสุขภาพเข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือกัน ระดมทรัพยากรต่างๆ เข้ามาช่วยดูแลได้จึงไม่อยากให้มองแค่เฉพาะบางจุด เพราะอาจคิดว่ามีความหนาแน่นและไม่เพียงพอ เมื่อมองทั้งระบบสาธารณสุขยังบริหารจัดการได้ ยืนยันว่าระบบสาธารณสุขไม่มีวันล่มสลาย ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ระดมกำลังทั้งประเทศเข้ามาได้เหมือนโรงพยาบาลบุษราคัมที่ได้เปิดให้บริการในขณะนี้
“ตอนนี้เราพยายามแก้ปัญหาในพื้นที่ก่อน เพื่อไม่ให้ไปถึงจุดนั้น โดยระหว่างนี้ต้องพยายามลดจำนวนผู้ติดเชื้อลง และขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดควบคุมคลัสเตอร์ต่างๆ ด้วยมาตรการ Bubble and Seal ที่ต้องห้ามเข้าออกอย่างจริงจัง ควบคุมคนไม่ให้มีการเดินทาง และกระทรวงสาธารณสุขจะแยกผู้ป่วยเข้ารักษาตามอาการ”
นายอนุทิน กล่าวว่า พร้อมรับฟังข้อเสนอจากอาจารย์แพทย์ถึงมาตรการล็อกดาวน์ กทม. เพื่อควบคุมโรคโควิด 19 ซึ่งจะมีคณะกรรมการและ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พิจารณาในทุกมิติ เพื่อใช้มาตรการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยวานนี้ (23 มิ.ย.) ได้หารือกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า พร้อมสนับสนุนทุกเรื่องในการควบคุมโรค ดูแลผู้ป่วยโควิด-19
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างหารือกับเมืองทองธานี เพื่อขอใช้สถานที่ทำโรงพยาบาลบุษราคัมต่ออีก 2-3 เดือน หลังจากจะสิ้นสุดสัญญาการเช่าสถานที่ เนื่องจจากมีพื้นที่กว้างขวางแล้ว ระบบต้องเหมาะสม ส่วนสถานที่อื่น เช่น สถานีกลางบางซื่อ แม้มีพื้นที่ใหญ่แต่ระบบแอร์เชื่อมโยงกันทั้งหมด ไม่สามารถตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มิ.ย. 64)
Tags: Bubble and Seal, COVID-19, กทม., กระทรวงสาธารณสุข, กรุงเทพมหานคร, คลัสเตอร์, ปริมณฑล, มาตรการล็อกดาวน์, ศบค., อนุทิน ชาญวีรกูล, เปิดประเทศ, เมืองทองธานี, โควิด-19, โรงพยาบาลบุษราคัม, โรงพยาบาลสนาม