เงินบาทเปิด 31.95 ต่อดอลล์ ผันผวนหลังเฟดลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.95 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ (13 มี.ค.) ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.80/81 บาท/ดอลลาร์

“เช้านี้เงินบาทสวิงแรง เมื่อคืนเฟดลดดอกเบี้ยนโยบายฉุกเฉิน 1.00% เหลือ 0% เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ซึ่งตลาดรอดูว่าจะช่วยหรือจะทำให้ตลาด Panic มากขึ้น”

นักบริหารเงินระบุ

สำหรับทิศทางวันนี้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทระหว่าง 31.80 – 32.05 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (13 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.60487% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.71194%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.17 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ (13 มี.ค.) ที่อยู่ที่ระดับ 106.30/32 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1103 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกรั์ (13 มี.ค.) ที่อยู่ที่ระดับ 1.1164/1168 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.9580 บาท/ดอลลาร์
  • กระทรวงสาธารณสุข แถลงพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่ม 32 ราย จากผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ได้เฝ้าระวังสังเกตอาการ 36 รายเมื่อวานนี้ โดยมาจากสถานบันเทิง,สนามมวย ,จากการสัมผัสนักท่องเที่ยว อาทิ ตร.ตรวจคนเข้าเมือง พนักงานร้านอาหาร พนักงานบริษัท, เดินทางกลับจากต่างประเทศ และผู้สัมผัสเจ้าของร้านอาหาร และยังมีผู้ป่วยรอยืนยันที่เกี่ยวข้องอีก 51 ราย
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กำลังพิจารณาออกมาตรการชุดที่ 2 ให้ความช่วยเหลือประชาชนก่อนเป็นอันดับแรก รองลงมาถึงจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากมาตรการชุดที่ 1 ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบไปแล้ว และสั่งการให้กระทรวงการคลังติดตามมาตรการชุดที่ 1 หลังจากที่ออกไปแล้ว เช่น การปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ การขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ การลดเงินต้นและอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น
  • นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.เศรษฐกิจครั้งต่อไป นอกจากที่ประชุมจะมีการประเมินผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจไทยแล้ว ยังเตรียมพิจารณาออกมาตรการเพิ่มเติม โดยเน้นไปที่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่โควิด-19 แพร่ระบาดในระยะยาว เช่น ธุรกิจสายการบินที่ได้รับผลกระทบมากจากการงดการเดินทางของนักท่องเที่ยว และธุรกิจโลจิสติกส์ที่ได้รับผลกระทบจากการขนส่ง การปิดเมืองและปิดประเทศ
  • รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานธุรกิจจีน ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มนักลงทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยขณะนี้ เชื่อว่าจะเห็นทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้จะมีผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะต้องรอดูการจัดการของไทยว่าจะสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างไรบ้าง โดยนักลงทุนจีนมีแผนย้ายฐานการผลิตมากขึ้นไปประเทศต่าง ๆ รวมถึงไทย หลังจากตัวเลขการลงทุนโดยตรง (เอฟดีไอ) ในปี 62 ที่ผ่านมาพบว่าจีนถือเป็นอันดับหนึ่งที่เข้ามาลงทุนในไทยสูงถึง 2.16 แสนล้านบาท และจะลงทุนเพิ่มโดยเฉพาะโครงการ
    ใหม่ ๆ เช่น เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี)
  • รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุม 3 กรมภาษี ทั้งกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เพื่อสั่งให้ติดตามแผนการจัดเก็บรายได้ภาษีในปีนี้ที่ตั้งไว้ 2.85 ล้านล้านบาท หลังพบแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของทุกกรมฯ ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้มาก จากผลกระทบไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีผลต่อภาพรวมของรายได้ของทั้งประเทศ สวนทางกับแผนรายจ่ายของรัฐบาลที่ใช้งบเพิ่มขึ้นในการกระตุ้นเศรษฐกิจตลอดปีนี้
  • รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้มีนักเศรษฐศาสตร์หลายคน คาดการณ์ตรงกันว่าผลกระทบจากการระบาดโรคโควิด-19 จะลากยาวจนถึงปีหน้า ทางส.อ.ท.จะติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิด เพราะสถานการณ์ล่าสุดน่าเป็นห่วงมาก
  • “ไทยบีเอ็มเอ” เกาะติด สถานการณ์ “หุ้นกู้” เน้นกลุ่ม “ไฮยิลด์บอนด์” หวั่นปัญหา”โควิด-19″ ทำธุรกิจขาด สภาพคล่องกระทบแผนชำระหนี้ เผยปีนี้ครบดีลราว 5 หมื่นล้าน ยอมรับเริ่มเห็น บางบริษัทจัดประชุมผู้ถือหน่วยขอยืด เวลาชำระหนี้ ส่วนยอดคงค้างไฮยิลด์บอนด์ ปัจจุบันมีกว่า 2 แสนล้าน เป็นกลุ่มอสังหาฯ กว่า 1.13 แสนล้าน ด้าน “นักวิเคราะห์” ฟันธงบริษัทขนาดใหญ่ไม่น่ากังวลแนะจับตาอสังหาฯ รายเล็ก หลังผลดำเนินงานส่อทรุด
  • บริษัทจดทะเบียนไซส์ “กลาง-เล็ก” กว่า 31 บริษัทแห่ขอมติเพิ่มทุน หวังเติมสภาพคล่อง รับมือเศรษฐกิจชะลอจากพิษ “สงครามการค้า” และ “โควิด-19” เผยบางบริษัทเพิ่มทุนเพื่อจ่ายปันผลเป็นหุ้น หวังเก็บเงินสดไว้เป็นสภาพคล่อง ด้านโบรกเกอร์ประเมินดัชนีหุ้นที่ร่วงแรง ส่อกระทบแผนเพิ่มทุนหลายบริษัท
  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สร้างความประหลาดใจต่อตลาดด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.00% ในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ยกเลิกการจัดประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด ในวันที่ 17-18 มี.ค.ซึ่งเป็นกำหนดการเดิม เนื่องจากเฟดได้จัดการประชุมฉุกเฉินในวันอาทิตย์ที่ 15 มี.ค.แล้ว ซึ่งถือเป็นการชดเชยการประชุมในวันที่ 17-18 มี.ค.
  • ธนาคารกลางฮ่องกงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.64% สู่ระดับ 0.86% จากระดับ 1.50% ซึ่งเป็นการดำเนินการตามธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 1.00% จากระดับ 1.00-1.25% สู่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมฉุกเฉิน และทดแทนการประชุมตามกำหนดการเดิมในวันที่ 18-19 มี.ค. ท่ามกลางความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มี.ค. 63)

Tags: , ,
Back to Top