นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยว่า ที่ประชุมได้ร่วมกันกำหนดแนวทางสำหรับการพัฒนาตลาดทุนไทยให้สามารถส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้เศรษฐกิจไทย และตอบโจทย์การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
แผนงานหลัก คือ 1.การยกระดับการเข้าถึงตลาดทุนของประชาชนทั่วไปในวงกว้างมากกว่าที่ผ่านมา รวมถึงผู้ประกอบการหน้าใหม่ และสตาร์ทอัพ 2. การแข่งขันได้ในระดับสากลทั้งตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ สามารถเชื่อมโยงกับตลาดอื่นๆ ในโลกได้ เพื่อให้ตลาดทุนไทยเป็นตลาดระดับแนวหน้าของภูมิภาค
“การขับเคลื่อนแผนงานดังกล่าว เราจะเน้นสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไป ตั้งแต่ระดับฐานรากเข้าถึงองค์ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในเรื่องการบริหารการเงิน รวมถึงตลาดทุน ภายใต้แผนนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. คปภ. (คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) ธปท. เราจะร่วมดำเนินการเสริมทักษะลงไปถึงระดับชุมชน ในรูปแบบที่เหมาะสม เน้นเชิงปฏิบัติเป็นหลัก”
รมว.คลัง กล่าว
นายอุตตม กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะดำเนินโครงการสนับสนุนการพัฒนาคนตัวเล็กและกลุ่ม SMEs โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจการใช้ระบบบัญชีสมัยใหม่ การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ และการสร้างความเข้าใจด้านการลงทุนโดยบรรจุเนื้อหาไว้ในหลักสูตรการศึกษา เป็นต้น
และเพื่อให้สามารถเข้าถึงตลาดทุนได้ง่ายขึ้น จะมีการจัดทำโครงการกระดานเทรด 3 สำหรับสตาร์ทอัพโดยเฉพาะ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะได้จัดทำหลักเกณฑ์คาดไตรมาส 1/64 จะเริ่มเปิดดำเนินการซื้อขายได้
“ขณะนี้ต้องช่วยกันสื่อสาร และสร้างทักษะให้สตาร์ทอัพ และ SMEs มาใช้ตลาดนี้ หน้าตาของตลาดนี้จะไม่เหมือน SET ไม่เหมือน mai วิธีการเทรดไม่เหมือนกัน ต้นปีหน้า เราคาดว่าจะเริ่มได้ ซึ่งต่างประเทศก็มีตลาดในลักษณะนี้ เช่น สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย”
รมว.คลังกล่าว
นายอุตตม ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ร่วมกับ ก.ล.ต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมศึกษาแนวทางการออกพันธบัตร”บอนด์ละบาท”เป็นการอำนวยความสะดวกและการเข้าถึงบริการทางการเงินในวงกว้างให้ประชาชนทั่วไป
“เดิมการออกพันธบัตรของ สบน.ต่อหน่วยมีมูลค่าสูง การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้สามารถออกพันธบัตรที่มีมูลค่าแค่หน่วยละ 1 บาทได้ แต่แนวทางปฏิบัติคงจะออกหน่วยละ 100 บาท ไม่ต้องมีเงินออมมากมายก็สามารถซื้อพันธบัตรได้ ระบบคาดว่าจะเรียบร้อยได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ เพื่อให้ประชาชนเข้ามาซื้อได้ง่ายขึ้น” รมว.คลัง กล่าว
นอกจากนี้ จะร่วมกันพัฒนาให้ตลาดหลักทรัพย์ของไทยเป็นศูนย์กลางในการออก Green Bond ซึ่งจะเป็นหลักทรัพย์เพื่อการระดมทุนโดยองค์กรที่เน้นการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืน ซึ่งขณะนี้นักลงทุนมีความต้องการที่จะลงทุนในหลักทรัพย์ดังกล่าวค่อนข้างมาก โดย ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการพัฒนากฎเกณฑ์ ซึ่งคาดว่าจะพร้อมดำเนินการได้ในไตรมาส 2/63
ด้านนายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวเพิ่มเติมถึงโครงการพันธบัตร”บอนด์ละบาท”ว่า สบน.ได้นำเทคระบบโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ให้กับผู้ออมรายย่อยผ่านสถาบันการเงินและตัวแทนต่างๆ อยู่แล้ว แต่เพื่อเป็นการปรับสู่รูปแบบใหม่ให้เข้าถึงประชาชนรายย่อยมากขึ้น ซึ่งระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการจัดเตรียมแอพพลิเคชั่นไว้รองรับ คาดว่าจะเริ่มเปิดจำหน่ายราวไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ของปีนี้ วงเงินเบื้องต้น 5,000 ล้านบาท
“รอบนี้เทคโนโลยีที่นำมาใช้ ทำให้สามารถขายขั้นต่ำได้ถึงหน่วยละบาท แต่ในทางปฏิบัติเราดูความต้องการของ demand แล้ว คงจะตั้งไว้ที่หน่วยละ 50-100 บาท…คาดว่าจะเปิดขายได้ในไตรมาส 3 หรือ 4 ปีนี้”
นายธีรัชย์ ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มี.ค. 63)
Tags: ก.ล.ต., ตลาดทุน, ตลาดหลักทรัพย์, ธีรัชย์ อัตนวานิช, สตาร์ทอัพ, อุตตม สาวนายน