ครม.เห็นชอบมาตรการระยะที่ 1 ดูแลผลกระทบเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด

  • มาตรการลดภาษีหัก ณ ที่จ่าย เหลือ 1.5% จาก 3% ช่วงเม.ย.-ก.ย.63
  • มาตรการหักรายจ่ายค่าจ้างได้ 3 เท่า-ลดเงินสมทบเงินเข้ากองทุนประกันสังคม
  • มาตรการนำเงินซื้อ SSF ช่วง 1 เม.ย. – 30 มิ.ย.63 หักภาษีได้เพิ่ม 2 แสนบาท แต่อาจขยายเวลาให้
  • มาตรการกันวงเงินงบประมาณ 2 หมื่นลบ.สำรองเพื่อช่วยลดผลกระทบไวรัสโควิด
  • มาตรการยกเว้นอากรขาเข้าวัสดุผลิตหน้ากากอนามัย 6 เดือน

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบชุดมาตรการดูแลผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระยะที่ 1 รวม 12 มาตรการ เพื่อการดูแลทุกภาคส่วนทั้งผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป ภายใต้หลักการที่ว่า เป็นมาตรการที่ทันการณ์ ตรงเป้าหมาย และเป็นมาตรการชั่วคราวตามความจำเป็น ประกอบด้วยมาตรการทางการเงินและมาตรการทางภาษี

มาตรการทางการเงิน ประกอบด้วย

  1. มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือผู้ประการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเตรียมวงเงินไว้ 150,000 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำที่ 2% ระยะเวลา 2 ปี วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท/ราย
  2. มาตรการพักเงินต้น ลดดอกเบี้ย และขยายระยะเวลาการชำระหนี้ แก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะดำเนินการโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) เช่น ธนาคารออมสิน, ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น
  3. มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถาบันการเงินที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์ในการอำนวยสินเชื่อของสถาบันการเงิน เพื่อให้สามารถอำนวยสินเชื่อให้แก่ภาคธุรกิจ และเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
  4. มาตรการเสริมจากสำนักงานประกันสังคม โดยเตรียมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำไว้ในวงเงิน 30,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3% ในระยะเวลา 3 ปี เพื่อให้กู้แก่ผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานประกันสังคม

มาตรการทางภาษี ประกอบด้วย

  1. มาตรการคืนภาษีหัก ณ ที่จ่าย จาก 3% เหลือ 1.5% โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่ เม.ย.-ก.ย.63 ในรอบปีภาษี 2563
  2. มาตรการลดภาระดอกเบี้ยจ่ายของผู้ประกอบการ SMEs ด้วยการให้นำไปลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า
  3. มาตรการส่งเสริมการจ้างงานที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดยให้นำรายจ่ายค่าจ้างมาหักลดหย่อนได้ 3 เท่าในการคำนวณภาษีเงินได้
  4. การเร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศให้เร็วขึ้น โดยหากเป็นผู้ที่ยื่นแบบชำระภาษีทางอินเตอร์เน็ต จะคืนให้ภายใน 15 วัน ส่วนการยื่นที่สำนักงานสาขาของสรรพากร จะคืนให้ภายใน 45 วัน

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการอื่นๆ เช่น

  1. มาตรการบรรเทาการจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ, การคืนเงินประกันค่ามิเตอร์ไฟฟ้า
  2. กองทุนประกันสังคม ให้ลดการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนฯ ทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง
  3. มาตรการบรรเทาภาระค่าธรรมเนียม ค่าเช่า ค่าตอบแทนในรูปแบบต่างๆ เช่น ค่าเช่าพื้นที่ราชพัสดุ
  4. มาตรการช่วยเหลือตลาดทุน โดยให้ผู้ที่ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) สามารถนำไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เพิ่มอีก 2 แสนบาท สำหรับเงินลงทุนในระยะเวลาตั้งแต่ 1 เม.ย.-30 มิ.ย.63 จากเดิมที่ให้หักลดหย่อนได้ 2 แสนบาท โดยอาจจะพิจารณาขยายเวลาให้อีกหากมีความจำเป็น

รมว.คลัง กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังได้เห็นชอบให้กันวงเงินงบประมาณเบื้องต้น 20,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมการไว้สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่น ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง หรือสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากที่พนักงานไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ การเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากร ซึ่งกระทรวงการคลังจะหารือกับสำนักงบประมาณ เพื่อกำหนดรูปแบบและขอบเขตการใช้วงเงินดังกล่าวต่อไป

“ในหลักการ ครม.อนุมัติแล้ว ด้วยเห็นความจำเป็นว่าหากเกิดผลกระทบ จะได้มีกองทุนส่วนนี้ หรือวงเงินนี้ไว้ใช้จ่ายตามความจำเป็น แต่ต้องคุยรายละเอียดต่อไป”

รมว.คลังระบุ

พร้อมกันนี้ ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรเสนอ ในการยกเว้นอากรนำเข้าวัสดุที่เกี่ยวข้องกับหน้ากากอนามัย เป็นระยะเวลา 6 เดือน นับจากนี้เป็นต้นไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มี.ค. 63)

Tags: , , , , , ,
Back to Top