ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 1,000 จุดในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในขณะนี้
ณ เวลา 07.28 น. ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ ร่วงลง 1,089 จุด หรือ 4.22% แตะที่ 24,700 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วงเช้านี้ หลังจากซาอุดีอาระเบียประกาศลดราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเริ่มต้นของการทำสงครามราคาน้ำมัน หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ในการประชุมครั้งนี้ โอเปกได้เสนอให้ปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.ไปจนถึงสิ้นปีนี้ แต่รัสเซียแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว โดยยืนยันจุดยืนเดิมที่ต้องการให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันปรับลดกำลังการผลิตตามโควตาเดิมในขณะนี้ต่อไปจนถึงสิ้นสุดไตรมาส 2
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ซาอุดีอาระเบียได้ออกมาตอบโต้รัสเซียด้วยการปรับลดราคาน้ำมัน และประกาศความพร้อมที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมัน โดยมีเป้าหมายที่จะชิงส่วนแบ่งตลาดจากรัสเซีย
นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่า สงครามราคาน้ำมันอาจฉุดราคาน้ำมันดิบดิ่งลงแตะระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลกในขณะนี้ โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก เพิ่มขึ้นมากกว่า 100,000 ราย และในบรรดาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวนั้น เสียชีวิตแล้ว 3,484 ราย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มี.ค. 63)
Tags: COVID-19, ซาอุดีอาระเบีย, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก, น้ำมันดิบ, รัสเซีย, โควิด-19, โอเปก