นายชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.โรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) เปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลได้ยกเลิกโปรแกรมการจองวัคซีนโควิด-19 และคืนเงินจองไปแล้วทั้งหมด หลังจากกระทรวงสาธารณสุขสั่งให้ระงับ เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยยังไม่ได้รับรองการใช้วัคซีนดังกล่าว แม้ว่าวัคซีนที่เตรียมจะนำมาฉีดให้กับลูกค้าเป็นของบริษัท โมเดอร์นา อิงค์ (Moderna Inc.) ซึ่งได้รับการรับรองจากสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ และนำไปฉีดให้กับบุคคลทั่วไปในต่างประเทศแล้ว
“หลังจากอย.ไทยติดต่อมาหาเราว่ายังไม่อนุญาตให้เปิดจอง เพราะยังไม่ผ่านอย.ไทย เราก็ได้ลบข้อมูลการจองออกจากเว็บไซต์ และก็ได้ติดต่อลูกค้าที่จองเข้ามาเพื่อคืนเงินจองใหั้งหมด เพราะเราไม่อยากมีปัญหา และเราอยากสร้างความเชื่อมั่นกับความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า ซึ่งก็มีลูกค้าบางรายไม่อยากคืนเงิน แต่เราก็ต้องคืนเงินไปก่อน”
นายชัยสิทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลมีข้อมูลของลูกค้าที่ได้จองฉีดวัคซีนโควิด-19 เข้ามา ซึ่งสูงกว่าจำนวนที่เปิดรับจองไปมาก และเมื่อวัคซีนโควิด-19 ได้รับการรับรองจากทาง อย.ไทยแล้ว โรงพยาบาลจะมีการประกาศเปิดรับจองอีกครั้ง โดยลูกค้าในกลุ่มที่จองเข้ามาในรอบแรกจะได้รับสิทธิในการสอบถามความสนใจก่อนเป็นกลุ่มแรกในช่วงที่โรงพยาบาลได้รับอนุญาตให้เปิดจองรับฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว
สาเหตุที่โรงพยาบาลวิภาวดีเปิด Presale เป็นรายแรก เพราะเห็นว่ากว่าระยะเวลาที่จะได้รับวัคซีนโควิดมาก็เหลืออีกมาก เพราะตามกำหนดจะได้รับวัคซีนมาในเดือน ต.ค.64 ซึ่งการทำ Presale ทำให้ทราบว่าลูกค้ามีความต้องการอย่างไร เพื่อให้สามารถสั่งซื้อเข้ามาได้ในจำนวนที่เหมาะสม ดังนั้น ก็จะนำแนวทางการเปิด Presale นี้ไปหารือกับทาง อย.เพื่อกำหนดวิธีเปิดรับจองวัคซีนต่อไป
“เราเปิดจองฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ถือว่าได้รับการตอบรับดีมาก จะเห็นว่าลูกค้าจองเข้ามาเต็มเกิน 1,000 รายภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากประกาศ แสดงให้เห็นว่าคนมีความต้องการฉีดวัคซีนโควิด-19 มาก เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง และที่เราทำการ Presale ก็เพื่อจะได้รู้ว่ามีความต้องการฉีดมากน้อยแค่ไหน ทำให้เราทราบจำนวนและสั่งซื้อจากบริษัทยามาได้ในจำนวนที่เหมาะสม”
นายชัยสิทธิ์ กล่าว
ประธานกรรมการบริหาร VIBHA ยังเปิดเผยอีกว่า โรงพยาบาลวิภาวดีมีส่วนร่วมกับทางภาครัฐในการช่วยเหลือด้านการแพทย์ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยโรงพยาบาลในเครือข่ายเปิดให้หน่วยงานภาครัฐมาใช้สถานที่ตรวจและรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะในช่วงของการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่นี้ ได้แก่ โรงพยาบาลวิภาราม สมุทรสาคร และเตรียมหารือกับกรมการแพทย์เพื่อใช้เครือข่ายที่ยังมีห้องว่างอยู่ให้หน่วยงานภาครัฐนำเพียงเครื่องมือ เตียง และบุคลากรเข้ามาใช้รองรับการตรวจและรักษาโรคโควิด แทนการที่ตั้งโรงพยาบาลสนาม
“วัตถุประสงค์ที่เราเข้ามาช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการใช้โรงพยาบาลเครือข่ายของโรงพยาบาลวิภาฯ เพราะเราต้องการช่วยแบ่งเบาภาระให้กับภาครัฐ อย่างเรามีโรงพยาบาลเครือข่ายที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงจุดเสี่ยงที่มีการแพร่ระบาดมาก เราก็ช่วยเหลือในการนำพื้นที่โรงพยาบาลที่มีช่องว่างอยู่มาอำนวยความสะดวกให้กับหน่วยงานภาครัฐใช้ เขาแค่เตรียมเครื่องมือ เตียง และบุคลากรมา ทำให้ภาครัฐไม่ต้องไปหาพื้นที่ตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับ ทำให้การตวรจและรักษาโควิด-19 ทำได้รวดเร็วและป้องกันการแพร่ระบาดได้ดีขึ้น ซึ่งเราทำธุรกิจโรงพยาบาลก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งช่วยเหลือหน่วยงานของรัฐในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในครั้งนี้”
นายชัยสิทธิ์ กล่าว
ส่วนการให้บริการสถานที่กักตัวทางเลือก (ASQ) สำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ที่เป็นโรงแรมในเครือของโรงพยาบาลวิภาวดี คือ โรงแรมปริ๊นส์ตั้น พาร์ค สวีท จำนวน 70 ห้อง ได้มีการการจองเข้ามาเต็มไปถึงต้นปี 64 แล้ว ซึ่ง ASQ ในเครือของโรงพยาบาลวิภาวดีคิด อัตราค่าบริการกักตัว 15 วัน ที่ 27,000 บาท รวมอาหาร 3 มื้อ ถือเป็นราคาที่เหมาะสมและไม่แพงเมื่อเทียบกับ ASQ ของโรงพยาบาลเอกชนอื่นๆ เนื่องจากโรงพยาบาลไม่ได้หวังกำไรจากบริการนี้มากนัก แต่ต้องการให้เป็นทางเลือก ASQ ที่ราคาสามารถเข้าถึงได้ สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ธ.ค. 63)
Tags: COVID-19, VIBHA, คณะกรรมการอาหารและยา, คืนเงิน, ชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล, วัคซีน, วัคซีนต้านโควิด-19, โควิด-19, โรงพยาบาลวิภาวดี