ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานสรุปมุมมองของกรรมการบริหาร BOJ ในการประชุมครั้งล่าสุด โดยกรรมการ BOJ บางรายต้องการให้แบงก์ชาติดำเนินโครงการรับซื้อสินทรัพย์ขนาดใหญ่ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น หลังถูกวิจารณ์ว่านโยบายดังกล่าวทำให้ตลาดบิดเบือน
ในการประชุมเมื่อวันที่ 17-18 ธ.ค. BOJ ได้ตัดสินใจทบทวนข้อมูลในเดือนมี.ค. เพื่อหาแนวทางที่ดีกว่าในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อให้ได้ตามเป้า 2% ซึ่งนับวันยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ หลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทรุดตัว
กรรมการรายหนึ่งเปิดเผยในที่ประชุมซึ่งมีกรรมการ 9 รายว่า แบงก์ชาติควรดำเนินโครงการซื้อกองทุน ETF ต่อไป แต่ก็ได้กล่าวเสริมว่า “แบงก์ชาติควรมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนตามภาวะตลาด และคำนึงถึงเสถียรภาพทางการเงินของแบงก์ชาติไปพร้อมกันด้วย”
กรรมการรายหนึ่งกล่าวว่า “แบงก์ชาติควรประเมินกลยุทธ์ เครื่องมือ และการสื่อสารของตนเอง โดยมีมุมมองเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านเสถียรภาพของราคา และไม่ให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นกลับไปอยู่ในภาวะเงินฝืดอีก”
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ เป็นผู้รวบรวมรายงานสรุปมุมมองดังกล่าว โดยไม่ได้ระบุเจาะจงความคิดเห็นว่ามาจากใครบ้าง
สำหรับการประชุมเมื่อวันที่ 17-18 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการ BOJ ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ระดับราว 0% ขณะเดียวกัน BOJ จะเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงพันธบัตรรัฐบาล และกองทุน ETF
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ธ.ค. 63)
Tags: BOJ, ญี่ปุ่น, ธนาคารกลางญี่ปุ่น, สินทรัพย์