ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนต.ค.ในวันนี้ โดยระบุว่า คณะกรรมการ BOJ ได้หารือกันเกี่ยวกับแนวทางในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ให้มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ขณะที่กรรมการรายหนึ่งได้เรียกร้องให้ BOJ ปรับโครงการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวมีขนาดใหญ่มาก
ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ BOJ มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ ซึ่งรวมถึงการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ระดับราว 0% นอกจากนี้ BOJ จะเดินหน้าเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลจากบรรดาสถาบันการเงินโดยไม่จำกัดจำนวน และเข้าซื้อกองทุน ETF รายปีในอัตรา 12 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.15 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นสามารถต้านทานภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดตัวอย่างฉับพลันอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น คณะกรรมการ BOJ จึงได้อภิปรายเกี่ยวกับแนวทางในระยะยาวเกี่ยวกับการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
กรรมการรายหนึ่งของ BOJ ได้ส่งสัญญาณถึงความจำเป็นในการพิจารณาเรื่องการปรับโครงการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะยาว เช่น กองทุน ETF โดยกล่าวว่า “เมื่อพิจารณาจากการคาดการณ์ที่ว่า การดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินจะเกิดขึ้นต่อไปเป็นเวลานาน BOJ ก็ควรจะมองหาแนวทางต่างๆ ในการส่งเสริมการใช้มาตรการอย่างยั่งยืน เพื่อที่ BOJ จะได้ไม่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการดำเนินการต่างๆ เช่น การเข้าซื้อสินทรัพย์ เมื่อ BOJ เห็นว่าจำเป็น”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 63)
Tags: BOJ, COVID-19, ญี่ปุ่น, ธนาคารกลางญี่ปุ่น, นโยบายการเงิน, เศรษฐกิจญี่ปุ่น, โควิด-19