นพ.สก็อตต์ ก็อตต์ลีบ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐเปิดเผยว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ซึ่งแพร่ระบาดได้เร็วกว่าเดิมที่พบในสหราชอาณาจักรนั้น เป็นเชื้อไวรัสที่มีอยู่แล้วในสหรัฐอเมริกา ขณะที่ประเทศต่างๆ กว่า 40 ประเทศได้สั่งห้ามเที่ยวบินที่เดินทางเข้าและออกจากสหราชอาณาจักรเป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังพบไวรัสกลายพันธุ์ดังกล่าว
“ผมคิดว่าการสั่งห้ามเดินทางไม่ได้ช่วยป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ไม่ให้แพร่ระบาดเข้าสู่สหรัฐ เราจะเผชิญกับการระบาดที่ยืดเยื้อไปอีก 3-4 สัปดาห์ จนแตะระดับสูงสุด หลังจากนั้น อัตราการติดเชื้อจะลดลง เมื่อมีการฉีดวัคซีนเป็นวงกว้างมากขึ้น”
นพ.ก็อตต์ลีบให้สัมภาษณ์ในรายการ The News with Shepard Smith ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC เมื่อคืนวันจันทร์
นพ.ก็อตต์ลีบอธิบายว่า “การกลายพันธุ์น่าจะเป็นผลมาจากสภาวะกดดันในตัวไวรัสเอง”
“ขณะที่ไวรัสยังคงแพร่ระบาดไปทั่วโลก เราจะได้เห็นการกลายพันธุ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก เพราะอย่างนี้การฉีดวัคซีนให้ประชาชนและตัดวงจรการระบาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ” นพ.ก็อตต์ลีบกล่าว และเพิ่มเติมว่า “ยิ่งมีผู้ติดเชื้อมากเท่าไร โอกาสที่ไวรัสกลายพันธุ์จะแพร่กระจายออกไปก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
ทั้งนี้ การพบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ทำให้อังกฤษกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ โดยรัฐบาลได้ประกาศใช้มาตรการสกัดการแพร่ระบาดขั้นสูงสุดในกรุงลอนดอน รวมถึงบางพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ ส่งผลให้สมาชิกครอบครัวไม่สามารถรวมญาติกันในช่วงคริสต์มาสตามที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ธ.ค. 63)
Tags: COVID-19, กลายพันธุ์, วัคซีน, วัคซีนต้านโควิด-19, สก็อตต์ ก็อตต์ลีบ, สหรัฐ, โควิด-19