กทม.ประกาศข้อปฏิบัติของสถานที่-กิจกรรมเสี่ยงป้องกันโควิด-19 แพร่ระบาด

กรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกประกาศมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตามที่ได้มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร นั้น เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมจำกัดวงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID- 19) สมควรกำหนดมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดใน กทม.อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 และข้อกำหนดออกตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ภาวะฉุกเฉิน พ.ศ.2558 ดังต่อไปนี้

1.ให้สถานที่ดังต่อไปนี้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคตามมาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค

1.1 ตลาด ตลาดน้ำ และตลาดนัด

1.2 สวนสาธารณะ

1.3 วัด มัสยิด หรือสถานที่จัดพิธีกรรมทางศาสนา

1.4 สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ

2. ให้เจ้าของ ผู้จัดการสถานที่หรือผู้จัดให้มีกิจกรรมใด ๆ ทางธุรกิจการคมนาคม มหรสพ สนามกีฬา ที่สาธารณะ หรือแหล่งอื่น ๆ ซึ่งมีการรวมกลุ่มหรือร่วมกิจกรรมลักษณะที่เสี่ยงต่อการใกล้ชิด สัมผัสและแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคแก่ผู้ร่วมกิจกรรมนั้น ๆ ดังต่อไปนี้

2.1 ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย หรือการคัดกรองอาการป่วยในระบบทางเดินหายใจ

2.2 ให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า

2.3 อำนวยความสะดวกในการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร และจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมมิให้แออัด

2.4 จัดให้มีที่ล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค

2.5 จัดให้มีการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของสถานที่ที่เกี่ยวข้องก่อนการทำกิจกรรม รวมทั้งระหว่างและภายหลังการทำกิจกรรมด้วย

2.6 ให้มีการลงทะเบียนก่อนเข้าและออกจากสถานที่และเพิ่มมาตรการใช้แอปพลิเคชั่นที่ทางราชการกำหนด

3. การจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ที่มีการชุมนุมคนในพื้นที่ตั้งแต่ 300 คนขึ้นไป ต้องยื่นแผนการจัดงานและมาตรการควบคุมโรคต่อสำนักอนามัย กทม.ก่อนจัดงาน

ทั้งนี้ ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อ 1 และข้อ 2 จะถูกสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว

นอกจากนั้น กทม.ขอความร่วมมือให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เมื่อออกจากที่พักอาศัย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 63)

Tags: , ,
Back to Top