นายสุพพัต อ่องแสงคุณ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับข่าวการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในบางจังหวัด และบางพื้นที่ แต่ขอให้ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง อย่าเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง และขอชี้แจงว่าสินค้าอุปโภคบริโภคมีเพียงพอกับความต้องการ หากไม่มีการกักตุนหรือนำออกไปใช้นอกระบบ เพราะผู้ผลิตยังสามารถผลิตได้ ไม่มีปัญหาติดขัดอะไร และยังมีการเร่งผลิตสินค้าเพื่อป้อนความต้องการอย่างเต็มที่ ขณะที่ภาคการขนส่งก็ไม่มีปัญหา แม้จะมีการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ แต่ก็ยังขนส่งได้เป็นปกติ
“ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าสินค้ามีเพียงพอกับความต้องการ ผู้ผลิตมีการผลิตเต็มที่ การขนส่งไม่มีปัญหา จึงไม่ควรซื้อกักตุน เพราะจะยิ่งเป็นการสร้างความตื่นตระหนก และในส่วนของกระทรวงพาณิชย์เอง มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบสถานการณ์สินค้า และราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด หากพบพื้นที่ไหนมีปัญหา ก็จะเร่งประสาน นำสินค้าเข้าพื้นที่ต่อไป” โฆษกกระทรวงพาณิชย์ระบุ
นอกจากนี้ ในส่วนของหน้ากากอนามัย ได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตว่าสินค้ามีเพียงพอกับความต้องการ เพราะก่อนหน้านี้ มีการผลิตออกมาอย่างต่อเนื่อง มีสต็อกคงเหลือและยังมีการผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนเบาใจได้ แต่หากมีการพบเห็นการขายแพง กักตุน หรือเอารัดเอาเปรียบ ขอให้แจ้งได้ที่สายด่วน 1569 หรือที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ จะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายทันที
นายสุพพัต กล่าวว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กำชับพาณิชย์จังหวัดและค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศ ให้ติดตามสถานการณ์ความต้องการสินค้าป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสินค้าหน้ากากอนามัยที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น และต้องมีราคาจำหน่ายให้เป็นไปตามประกาศของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ รวมถึงหน้ากากนำเข้าและหน้ากากที่มีคุณภาพสูงด้วย รวมถึงให้ดูแลอย่าให้เกิดการกักตุนสินค้า หรือฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาขายปลีกจนประชาชนเดือดร้อน
อย่างไรก็ดี ล่าสุดกรมการค้าภายในได้เชิญผู้ผลิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแพลตฟอร์มออนไลน์ มาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การผลิตและจำหน่ายหน้ากากอนามัยแล้ว โดยยืนยันว่า กำลังการผลิตมีเพียงพอกับความต้องการ มีโรงงานผลิตรวม 30 โรง ผลิตได้วันละ 5 ล้านชิ้น และได้ยืนยันราคาจำหน่ายสำหรับหน้ากากที่ผลิตในประเทศไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท ส่วนหน้ากากนำเข้าให้จำหน่ายได้ตามโครงสร้างราคาที่กำหนดไว้เดิม ในส่วนของแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้ช่วยตรวจสอบและดูแลการจำหน่าย อย่าให้มีการปรับขึ้นราคาเกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ หากมีการขายเกินราคาควบคุม มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีกักตุน หรือค้ากำไรเกินควร มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 63)
Tags: กระทรวงพาณิชย์, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, สุพพัต อ่องแสงคุณ, หน้ากากอนามัย