นักวิเคราะห์ฯเล็งตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นหลังตลาดสหรัฐฯปิดทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ขานรับความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯใกล้ออกมา-คืบหน้าวัคซีนต้านโควิด-19 จากเล็ง FDA จะอนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 ของ”โมเดอร์นา”ในเร็ว ๆ นี้ รวมถึงราคาน้ำมันขึ้น 4 วันซ้อน แต่ตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบสลับจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น ซึ่งตลาดบ้านเราจะต้องระวังแรงขายทำกำไรระหว่างทางด้วยหลัง Valuation ตึงตัว-วันนี้ FTSE จะ Rebalance ซึ่งหุ้นไทยถูกปรับลดน้ำหนักลงทุน จึงต้องระวังความผันผวนระหว่างทาง พร้อมให้แนวรับ 1,475-1,470 แนวต้าน 1,495-1,505 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ หลังดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีของตลาดสหรัฐฯปิดทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ขานรับความคาดหวังสภาคองเกรสสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐได้ในเร็ว ๆ นี้ และยังมีความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่าสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) จะอนุมัติใช้วัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา ในเร็ว ๆ นี้ด้วยเช่นกัน และราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นมา 4 วันติดต่อกัน
ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ สลับกัน จากแรงขายทำกำไรระยะสั้น ดังนั้น ตลาดบ้านเราคงจะต้องระวังแรงขายทำกำไรระหว่างทาง หลังจากที่ Valuation ตึงตัว และวันนี้ FTSE จะ Rebalance ซึ่งก็จะมีการปรับลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยด้วย จึงจะต้องระวังความผันผวนระหว่างทาง
พร้อมให้แวรับ 1,475-1,470 จุด ส่วนแนวต้าน 1,495-1,505 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,303.37 จุด เพิ่มขึ้น 148.83 จุด (+0.49%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,722.48 จุด เพิ่มขึ้น 21.31 จุด (+0.58%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,764.75 จุด เพิ่มขึ้น 106.56 จุด (+0.84%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.38 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 31.14 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 27.89 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 9.20 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.43 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.49 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ธ.ค.63) 1,483.89 จุด เพิ่มขึ้น 1.80 จุด (+0.12%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,613.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.64 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 ธ.ค.63) ปิดที่ 48.36 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 1.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ธ.ค.63) อยู่ที่ 1.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 29.78 แข็งค่าต่อเนื่องจากแรงขายดอลล์ จับตากระแสเงินทุนไหลเข้า
- “สุพัฒนพงษ์” มั่นใจตัวชี้วัดเศรษฐกิจดีขึ้น การบริโภคฟื้น เผยปี 64 เดินหน้าเชิงรุกดึงลงทุน เปลี่ยนประเทศ กรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางสำนักงานใหญ่ข้ามชาติ มั่นใจไทยจะกลับมาแบบเข้มแข็งในปี 65 ปตท.เดินหน้าลงทุน 2.4 แสนล้านบาท พร้อมลุยธุรกิจใหม่ “กรุงไทย” หนุนประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
- เงินบาทแข็งค่าสุดรอบ 7 ปี แตะ 29.88 บาทต่อดอลลาร์ ด้านสหรัฐจัดไทยขึ้นบัญชีเฝ้าจับตาแทรกแซงค่าเงิน นักวิเคราะห์ แนะธปท.ลดดอกเบี้ย หยุดแทรกแซงค่าเงิน “ไทยพาณิชย์” คาดเงินบาทแตะ 28.80 บาท “แบงก์ชาติ” ยันไม่แทรกแซงเพื่อส่งออก “คลัง” ไม่หวั่นถูกขึ้นทะเบียน
- แบงก์ชาติ ย้ำชัดไม่มีนโยบายแทรกแซงค่าเงิน เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า หลังไทยถูกจัด อยู่ใน Monitoring List เพราะเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ “อาคม” ไม่กังวล ชี้เป็นหน้าที่ ธปท.ดูแล
- ส.อ.ท.ปลื้มดัชนีความเชื่อมั่นเอกชนยังโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 อวยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐได้ผล แต่ยังห่วงบาทแข็งฉุดศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลกดิ่ง หลังไทยขึ้นนำเป็นจ่าฝูงเงินแข็งค่าที่สุดในภูมิภาค
หุ้นเด่นวันนี้
- TACC (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 7.40 บาท เป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการควบรวมของ CP-Tesco จากการมีช่องทางขายที่เพิ่มขึ้น คาดว่า CP จะขยายสาขาเครื่องดื่มใน Tesco ซึ่ง TACC จะได้รับอานิสงส์ รวมถึงการขายเครื่องดื่มโถกดใน Lotus Express และมีโอกาสเป็น Supplier ให้ 7-11 ในกัมพูชาหลังพ้นโควิด-19 หนุนการเติบโตระยะยาว โดยยังไม่ได้รวมทั้ง 2 ปัจจัยไว้ในประมาณการซึ่งเป็น Upside ทั้งกำไรและราคาเป้าหมาย ด้านราคาหุ้นที่พักฐานช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมาทำให้ Upside เปิดกว้างขึ้น
- AAV (เคจีไอฯ) “ซื้อ”เป้าใหม่ปี 64 ที่ 3.25 บาท ถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานโดยรวมของ AAV จะได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 แต่คิดว่าช่วงที่เลวร้ายที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งขาดทุนสุทธิหนักเป็นประวัติการณ์ที่ 1.84 พันล้านบาท แต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้วจากการกลับมาเปิดบินเที่ยวบินในประเทศตั้งแต่ Q3/63 (load factor ใน Q3/63 อยู่ที่ 65% และเพิ่มเป็น 100% ในเดือนตุลาคม และ พฤศจิกายน แต่คาดว่าจะต่ำกว่า 100% ในเดือนธันวาคม) โดยยังผลประมาณการผลขาดทุนสุทธิปี 2563-64 ไว้เท่าเดิม สอดคล้องกับมุมมองธุรกิจสายการบินของ IATA
- TVO (กสิกรไทย) เป้า 37.25 บาท คาดกำไรฟื้นตัวขึ้นแข็งแกร่งในไตรมาส 4/2563 จากยอดขายกากถั่วเหลืองและน้ำมันถั่วเหลืองที่มากขึ้นและ GPM ที่สูงขึ้น ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ฯ จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ธ.ค. 63)
Tags: AAV, SET, SET Index, TACC, TVO, ตลาดหุ้นไทย, ทิสโก้, หุ้นไทย, อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล