นายปรีชา นันท์นฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อี ฟอร์ แอล เอม (EFORL) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 64 เติบโต 15% แตะระดับ 2,000 ล้านบาท จากการพัฒนาประสิทธิภาพในการขาย และขยายตลาดในส่วนของฐานลูกค้าเดิม และกลุ่มลูกค้าใหม่ รวมทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์เดิมและผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งธุรกิจดังกล่าวเป็นอุตสาหกรรมการแพทย์ที่มีมูลค่าสูง มีการเติบโตได้ ทั้งยังเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ส่วนแนวโน้มธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง แม้ภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัวโดยเฉพาะธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัท โดยภายในเดือน ธ.ค.นี้ บริษัทเตรียมจะส่งมอบเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลมูลค่ารวม 400 -450 ล้านบาท ซึ่งจะสนับสนุนให้ผลงานในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าประมูลงานกับหน่วยงานโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างแหล่งรายได้เพิ่ม ช่วยสนับสนุนการเติบโตในอนาคตให้มีความยั่งยืน รวมถึงยังมองหาโอกาสขยายการลงทุนในรูปแบบใหม่ ๆ โดยมีแผนจะร่วมมือกับพันธมิตรในและต่างประเทศ เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตในอนาคต
ขณะที่ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทมีมติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 7,758.62 ล้านหุ้น ในมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.075 บาท โดยออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ที่ราคาหุ้นละ 0.0348 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 270 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินเนื่องจากบริษัทได้รับคำสั่งซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เป็นจำนวนมาก หากเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินจะทำให้บริษัทมีโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต เป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในระยะยาว ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นด้วยเช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ธ.ค. 63)
Tags: EFORL, ปรีชา นันท์นฤมิต, หุ้นไทย, อี ฟอร์ แอล เอม, อุตสาหกรรมการแพทย์, เครื่องมือทางการแพทย์