น้ำมัน WTI ปิดบวก 63 เซนต์ ขานรับวัคซีน-คาดสหรัฐกระตุ้นศก.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 เดือนเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) ขานรับความหวังที่ว่า เศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากหลายประเทศเริ่มฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 47.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.ปีนี้
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 50.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.ปีนี้

สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดหวังว่า การที่ประเทศต่างๆเริ่มมีการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชนนั้น จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน โดยขณะนี้ สหรัฐ อังกฤษ บาห์เรน แคนาดา และสิงคโปร์ได้ให้การอนุมัติวัคซีนของไฟเซอร์แล้ว และหลายประเทศได้เริ่มฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ซึ่งรวมถึงสหรัฐ อังกฤษ และแคนาดา

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะเร่งอนุมัติการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไม่ช้านี้ หลังจากสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตได้เห็นพ้องที่จะแยกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9.08 แสนล้านดอลลาร์ออกเป็นร่างกฎหมาย 2 ฉบับเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส โดยฉบับแรกจะมีวงเงิน 7.48 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาผู้ที่ตกงานและธุรกิจขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ขณะที่อีกฉบับหนึ่งจะมีวงเงิน 1.60 แสนล้านดอลลาร์เพื่อให้ความช่วยเหลือมลรัฐต่างๆ

ทั้งนี้ ความหวังเกี่ยวกับวัคซีนและการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ ได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก รวมทั้งการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในยุโรป

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ธ.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ธ.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top