นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) หรือ ซีพีเอฟ มองโครงสร้างอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต จะยั่งยืนได้ต้องมีการวิจัยและพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมตั้งแต่บริหารต้นทุนให้ลดลง จากการสรรหาวัตถุดิบ การพัฒนาสายพันธุ์ให้ได้มาซึ่งพันธุ์ที่แข็งแรง และการเลี้ยงสุกรที่ต้องมีมาตรฐานอาชีวอนามัยเพื่อป้องกันโรคระบาด นอกเหนือไปจากการมีฟาร์มและการจัดการการเลี้ยงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมแหล่งน้ำในการผลิตที่เพียงพอ
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ โรคระบาดในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ทั้งโรคเพิร์ส (PRRS) และโดยเฉพาะโรคแอฟริกันสไวน์ฟีเวอร์ (ASF) ที่ทำให้การเลี้ยงสุกรในประเทศจีนและเวียดนามเสียหาย ส่งผลให้เกิดภาวะสุกรขาดตลาดอย่างมาก การพยายามกลับมาเลี้ยงใหม่ก็อาจจะยังประสบความเสียหายได้หากระบบการเลี้ยงไม่มีมาตรการป้องกันด้านชีวอนามัยที่เคร่งครัด ซีพีเอฟจึงมุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนามาตรฐานการเลี้ยงที่มีมาตรฐานชีวอนามัยที่สูง ประกอบกับการพัฒนาพันธุ์สุกรให้แข็งแรง มีความต้านทานโรคสูงอย่างต่อเนื่อง
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า การที่โรค ASF ทำให้สุกรขาดตลาดในประเทศจีน เวียดนามและประเทศเพื่อนบ้านของไทยส่งผลให้มีการนำเข้าสุกรจากประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก และความต้องการยังมีมาต่อเนื่อง ทำให้ราคาสุกรในไทยปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ การจะเร่งเลี้ยงสุกรในหลายประเทศให้มีผลผลิตเท่าก่อนมีโรค ASF ในภูมิภาคนี้อาจใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 ปี และสุกรอาจไม่ใช่สินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐานอีกต่อไป ความสามารถในการเลี้ยงให้ปลอดโรคและมีต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ จะเป็นปัจจัยหลักสำหรับความสำเร็จของธุรกิจสุกร จึงมองว่าในภูมิภาคนี้ราคาสุกรใน 1-2 ปีข้างหน้าจะยังคงอยู่ในระดับสูงจากภาวะสุกรขาดตลาด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 63)
Tags: CPF, ซีพีเอฟ, ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ, ปศุสัตว์, ฟาร์มสุกร, สุกร, เจริญโภคภัณฑ์อาหาร, โรคระบาดสัตว์