- ศบค.สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันนี้ (11.00 น.)
- ผู้ติดเชื้อสะสม 4,246 คน (+9)
- เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ = 0 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) = 9 ราย
- เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศไม่เข้ากักกัน = 0 ราย
- รักษาหายแล้ว 3,949 คน (+9)
- ผู้ป่วยรักษาอยู่โรงพยาบาล 237 คน (+0)
- เสียชีวิตสะสม 60 คน (+0)
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 9 ราย โดยเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (Quarantine Facilities) ประกอบด้วย เอธิโอเปีย 1 ราย, สวิตเซอร์แลนด์ 2 ราย, สหราชอาณาจักร 1 ราย, โรมาเนีย 1 ราย, เนเธอร์แลนด์ 1 ราย, สหรัฐอเมริกา 2 ราย และกาตาร์ 1 ราย
รายที่ 1 เพศหญิง สัญชาติเอธิโอเปีย อายุ 30 ปี อาชีพเภสัชกร (ตั้งครรภ์ 5 เดือน) เดินทางมาจากเอธิโอเปีย ถึงไทยวันที่ 4 ธ.ค.63 เข้าพักใน Alternative State Quarantine (ASQ) จ.กรุงเทพฯ ตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
รายที่ 2 เพศชาย สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 50 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เดินทางมาจากสวิตเซอร์แลนด์ ถึงไทยวันที่ 29 พ.ย.63 เข้าพักใน ASQ จ.กรุงเทพฯ ผลตรวจวันที่ 11 ธ.ค. พบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
รายที่ 3 เพศหญิง สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 57 ปี เดินทางมาจากสวิตเซอร์แลนด์ ถึงไทยวันที่ 6 ธ.ค.63 เข้าพักใน ASQ จ.กรุงเทพฯ ผลตรวจวันที่ 11 ธ.ค. พบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
รายที่ 4 เด็กชาย สัญชาติอังกฤษ อายุ 6 เดือน เดินทางมาจากสหราชอาณาจักร ถึงไทยวันที่ 6 ธ.ค.63 เข้าพักใน ASQ จ.กรุงเทพฯ ผลตรวจวันที่ 11 ธ.ค. พบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
รายที่ 5 เพศชาย สัญชาติโรมาเนีย อายุ 42 ปี เป็นผู้จัดการบริษัท เดินทางมาจากโรมาเนีย ถึงไทยวันที่ 7 ธ.ค.63 เข้าพักใน ASQ จ.กรุงเทพฯ ผลตรวจวันที่ 12 ธ.ค. พบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
รายที่ 6 เพศหญิง สัญชาติเนเธอร์แลนด์ อายุ 44 ปี ทำงานที่พิพิธภัณฑ์ เดินทางมาจากเนเธอร์แลนด์ ถึงไทยวันที่ 7 ธ.ค.63 เข้าพักใน ASQ จ.กรุงเทพฯ ผลตรวจวันที่ 12 ธ.ค. พบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
รายที่ 7 เพศหญิง สัญชาติอเมริกัน อายุ 52 ปี เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา ถึงไทยวันที่ 27 พ.ย.63 เข้าพักใน ASQ จ.กรุงเทพฯ ผลตรวจวันที่ 11 ธ.ค. พบเชื้อ ไม่มีอาการ (มีประวัติติดโควิด เมื่อ 6 พ.ย.63) รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
รายที่ 8 เพศชาย สัญชาติอเมริกัน อายุ 60 ปี เป็นพนักงานบริษัท เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา ถึงไทยวันที่ 4 ธ.ค.63 เข้าพักใน ASQ จ.กรุงเทพฯ ผลตรวจวันที่ 13 ธ.ค. พบเชื้อ ไม่มีอาการ (มีประวัติติดโควิด เมื่อ 8 พ.ย.63) รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
รายที่ 9 เพศชาย สัญชาติเนเธอร์แลนด์ อายุ 38 ปี อาชีพดีเจ เดินทางมาจากกาตาร์ ถึงไทยวันที่ 9 ธ.ค.63 เข้าพักใน ASQ จ.กรุงเทพฯ ผลตรวจวันที่ 12 ธ.ค. พบเชื้อ ไม่มีอาการ (มีประวัติติดโควิด เมื่อต้นเดือนพ.ย.63) รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 4,246 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,463 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,783 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วอีก 9 ราย รวมเป็น 3,949 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 237 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย
ส่วนสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดมียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวม 73,188,395 ราย เสียชีวิต 1,627,783 ราย โดยประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับแรก สหรัฐอเมริกา 16,942,822 ราย อันดับสอง อินเดีย 9,906,507 ราย อันดับสาม บราซิล 6,929,409 ราย อันดับสี่ รัสเซีย 2,681,256 ราย อันดับห้า ฝรั่งเศส 2,379,915 ราย โดยประเทศไทยอยู่อันดับที่ 151
ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาว่า ข้อมูลล่าสุดวันนี้ ที่ จ.เชียงใหม่ ไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นติดต่อกันนาน 10 วันแล้ว โดยผู้ติดเชื้อของ จ.เชียงใหม่ ยังอยู่ที่ 5 ราย ส่วน จ.เชียงราย มีผู้ติดเชื้อรวม 45 ราย ซึ่งตรวจพบจากการตรวจหาเชื้อเป็นระยะ เมื่ออยู่ในสถานกักตัวใน Local Quarantine (LQ)
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลของ จ.เชียงราย พบว่าจะมีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 3 ราย แต่ขณะนี้รอผลตรวจยืนยันจากทางห้องปฏิบัติการอีกครั้ง และขอย้ำว่าผู้ป่วยทั้งหมดอยู่ใน Local Quarantine ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาหรือมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ขอให้ประชาชนมั่นใจได้
“เชียงราย แม้จะยังมีการพบผู้ป่วยอยู่ แต่ระยะหลัง ผู้ป่วยที่พบคือคนไทยตกค้างที่เรานำตัวกลับมาจากเมียนมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทุกคนต้องเข้าสู่ระบบกักกันโรค เข้า Local Quarantine และตรวจหาเชื้อโควิดเป็นระยะ ดังนั้นผู้ป่วยที่พบในเชียงรายระยะหลังในรอบ 10 วันที่ผ่านมา จะอยู่ในสถานกักกันของรัฐทั้งหมด”
นพ.โอภาสกล่าว
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวด้วยว่า การจัดกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเทศกาลสามารถทำได้ เพียงแต่การจัดกิจกรรมนั้น ผู้จัดจะต้องมีการขออนุญาตอย่างถูกต้องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขในการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด เช่น การใส่หน้ากากอนามัย, การจัดให้มีจุดล้างมือ หรือมีเจลแอลกอฮอล์ และต้องมีการสแกนแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ”
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้ ไม่พบว่ามีพื้นที่ใดมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้นการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ สามารถทำได้อย่างปลอดภัย โดยเมื่อกลับมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องกักตัวแต่อย่างใด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 63)
Tags: COVID-19, กรมควบคุมโรค, ศบค., ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19, โควิด-19, โอภาส การย์กวินพงศ์