นายจวง จื้อ เหยา กรรมการ บมจ.ฮั้วฟง รับเบอร์ (ไทยแลนด์) หรือ HFT คาดว่า รายได้ปี 64 จะเติบโตจากปีนี้แน่นอน เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ประชาชนปรับมาใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ด้วยการหันมาใช้การเดินทางโดยรถส่วนตัวมากขึ้น โดยเฉพาะรถจักรยาน และรถจักรยานยนต์ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้ความต้องการและคำสั่งซื้อยางนอกและยางในสำหรับรถจักรยานและรถจักรยานยนต์ปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/63 คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3/63 หลังจากผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/63 ไปแล้ว เนื่องจากเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ค่อนข้างมาก
สำหรับราคาวัตถุดิบสำคัญในการผลิต คือ ยางพารา ช่วงที่ผ่านมาราคาปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะได้สต็อกวัตถุดิบไว้รองรับการผลิตอย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันบริษัทได้มีการปรับราคาจำหน่ายสินค้าให้เหมาะสมกับราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย
“เรายังคงมีโอกาสในการเติบโตด้วยกำลังการผลิตที่มีในปัจจุบันสามารถรองรับการเติบโตได้ถึงรายได้ระดับ 3,500-4,700 ล้านบาทต่อปี ซึ่งบริษัทคาดง่าจะใช้ระยะเวลา 3-5 ปี ที่จะสามารถเติบโตและใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่ ซึ่งหลังจากนี้บริษัทจะมีมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ด้วยการใช้กำลังการผลิตที่มากขึ้น และได้มีการปรับมาตรฐานสินค้าให้เหมาะสมน้ำหนักของสินค้าเบาลง ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าต่ำลงด้วย”นายจวง จื้อ เหยา กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 63)
Tags: HFT, จวง จื้อ เหยา, ยางรถยนต์, หุ้นไทย, ฮั้วฟง รับเบอร์