นายมูน แจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เตือนว่า รัฐบาลเกาหลีใต้อาจมีการยกระดับมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สู่ระดับสูงสุด หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงเป็นประวัติการณ์สองวันติดต่อกัน ในขณะเกาหลีใต้กำลังเผชิญกับการระบาดอย่างรุนแรงเป็นรอบที่สาม
นายมูนกล่าวในระหว่างการประชุมฉุกเฉินที่สำนักงานใหญ่ด้านการรับมือภัยพิบัติและความปลอดภัยของเกาหลีใต้ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดยนายมูนได้เตือนให้ทุกฝ่ายเฝ้าระวัง และเรียกร้องให้ร่วมมือกันสกัดโควิด-19 อย่างเต็มกำลัง
“การระบาดมาถึงจุดวิกฤตที่จะต้องพิจารณาการยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม นอกเสียจากว่าเราจะควบคุมการระบาดได้ในขณะนี้” นายมูนกล่าว พร้อมกับพูดถึงมาตรการสกัดโควิดที่เข้มงวดภายใต้ระบบการเว้นระยะห่างทางสังคมที่แบ่งออกเป็น 5 ระดับ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เกาหลีใต้รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 718 รายในรอบ 24 ชม.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 43,484 ราย ขณะที่วานนี้ เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 1,030 ราย ซึ่งเป็นสถิติผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุด และยังเป็นครั้งแรกที่ยอดผู้ติดเชื้อรายวันสูงกว่า 1,000 ราย นับตั้งแต่ที่เริ่มมีการรายงานผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศเมื่อวันที่ 20 ม.ค.
ทั้งนี้ กรุงโซลมีการประกาศใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในขั้น 2.5 ซึ่งห้ามไม่ให้มีการรวมกลุ่มกันเกิน 50 คน และร้านอาหารเปิดให้บริการลูกค้าได้ไม่เกินเวลา 21.00 น.
นอกจากนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้จะเพิ่มจำนวนเตียงในโรงพยาบาลอีกราว 1,000 เตียงในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า และจะจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้กับพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เป็นการชั่วคราว จำนวน 3 ล้านวอน (2,748 ดอลลาร์) ต่อเดือน เพื่อบรรเทาความตึงเครียดในโรงพยาบาลทั่วประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 63)
Tags: COVID-19, มูน แจอิน, เกาหลีใต้, โควิด-19