นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU ได้เห็นพ้องที่จะขยายเวลาในการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้า หลังจากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงกันได้แม้ว่าจะเลยกำหนดเส้นตายในวันอาทิตย์ที่ 13 ธ.ค.แล้วก็ตาม
นายจอห์นสัน และนางฟอน เดอร์ เลเยน เปิดเผยในแถลงการณ์ร่วมกันว่า “แม้ว่าเราได้ทุ่มเทความพยายามมาเป็นเวลานานเกือบ 1 ปี และแม้ว่าจะเลยกำหนดเส้นตายมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เราก็ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ เราจึงเห็นสมควรว่าจะต้องขยายเวลาในการเจรจาออกไปอีกระยะหนึ่ง”
ทั้งนี้ หากอังกฤษ และ EU ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันที่ 1 ม.ค.2564 ก็จะทำให้อังกฤษสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้ากับ EU และทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการค้าภายใต้กฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO)
นอกจากนี้ ภาวะที่อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง (no-deal Brexit) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอังกฤษและยุโรป และสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาดการเงิน
รายงานระบุว่า คณะรัฐมนตรีของอังกฤษกำลังวางแผนการช่วยเหลือทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านปอนด์แก่ภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดหากอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง โดยวงเงินช่วยเหลืออาจอยู่ที่ราว 8 พันล้าน – 1 หมื่นล้านปอนด์ ซึ่งคาดว่าจะให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงแกะ ชาวประมง ผู้ผลิตรถยนต์ และผู้ผลิตสารเคมี ซึ่งการค้าอาจหยุดชะงัก หรือได้รับผลกระทบจากการถูกเรียกเก็บภาษีโดย EU หลังจากวันที่ 1 ม.ค. 2564
ทั้งนี้ อังกฤษไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพยุโรปแล้วตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา แต่อังกฤษมีเวลา 11 เดือน หรือที่เรียกว่าระยะเปลี่ยนผ่าน สำหรับการเจรจาข้อตกลงต่างๆ กับ EU ซึ่งรวมถึงข้อตกลงการค้า จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.นี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 63)
Tags: Brexit, EU, ข้อตกลงการค้า, บอริส จอห์นสัน, ยุโรป, อังกฤษ, อียู, เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน